27.10.12

ครีมล้างหน้ามะขาม


ครีมล้างหน้ามะขาม

สรรพคุณ : ใช้บำรุงผิว ลบรอยเหี่ยวย่น ลบรอยตีนกา

ตัวยาประกอบด้วย : 1. มะขามเปียก 1 กำมือ
2. นมสด 2 ช้อนโต๊ะ หรือมะขามเปียก
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

จัดเตรียมส่วนผสมกันเรียบร้อยแล้วมาทำกันเลยค่ะ

วิธีทำ

1. นำมะขามเปียก เอารกออก ล้างน้ำให้สะอาด

2. ผสมกับนมสด แล้วขยำให้เข้ากัน เสร็จแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง

3. หลังจากนั้นเติมน้ำลงไป คนให้เข้ากัน ก็จะได้ครีมมะขามเปียก ใส่ภาชนะเก็บไว้ในตู้เย็น

วิธีใช้ : นำครีมมะขามเปียกทาให้ทั่วไปหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก

หมายเหตุ : สัดส่วนของสูตรในการทำครีมมะขามสามารถปรับได้ตามความต้องการและสภาพของผิว สูตรนี้เหมาะสำหรับคนผิวมัน ถ้าคนผิวแห้งให้ลดปริมาณมะขามเปียกลง แล้วเพิ่มปริมาณนมสดและน้ำผึ้งให้มากขึ้น

 

18.10.12

วิธีทําให้ผิวขาว 12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง


การมีผิวขาวใสเป็นสุดยอดปราถนาของคุณผู้หญิงทุกคน วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองด้วยวิธีธรรมชาติๆ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วยค่ะ

1. การขัดผิว เป็นวิธีทําให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม

3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

6. ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง

7. ทานอาหารให้เหมาะสม โดยให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา แถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

10. การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือด จากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

11. เมคอัพช่วยได้ ใช้ครีมรองพื้นและแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับสี และหลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กันแตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้าผากและโหนกแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

12. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตรวิธีทำให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้

  • วิธีทําให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก

  • วิธีทําให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม

  • วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำมันมะพร้าวเพื่อผิวเนียนนุ่ม เป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ

  • วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ

  • วิธีทําให้ผิวขาว : กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน

 

ขมิ้น คุณประโยชน์มากมายเพื่อผิวขาว หน้าใส


คุณทราบไหมว่า ขมิ้น ที่หลายๆท่านมองข้ามไป ปัจจุบันนี้ทางประเทศแถบยุโรปและอเมริกากลับนิยมใช้ขมิ้นกันมากกว่าบ้านเราเสียอีก...

จากข้อมูลของเว็บไซต์ ehow.com (เว็บไซต์ชื่อดังของประเทศอเมริกา) ได้นำข้อมูลการวิจัยของมหาวิทยาลัยต่างๆในสหรัฐอเมริกา และยุโรปมาเผยแพร่

ผลการวิจัยโดยรวมชี้ให้เห็นว่าขมิ้นเป็นสุดยอดสมุนไพร ที่ช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณได้อย่างดีเยี่ยม เรามาดูกันว่าสูตรการบำรุงผิวด้วยขมิ้นนั้นทำอย่างไรบ้าง



ผงขมิ้นใช้สำหรับบำรุงผิว: ผงขมิ้นผสมกับน้ำนม สามารถช่วยบำรุงผิวพรรณ และยังเป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ สามารถช่วยล้างพิษแผลเปื่อยและรักษาโรคสะเก็ดเงินที่ทาง สธ กำลังเตือนประชาชนอยู่ได้ด้วย

ขมิ้นครีมพอกหน้าสูตรธรรมชาติ: เพื่อผลัดผิวหน้าให้กระจ่างใส การนำผงขมิ้นมาผสมกับข้าวเปลือกที่บดละเอียด ผสมกับน้ำนมหรือโยเกิร์ต พอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที หลังจากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น สมารถช่วยฟื้นฟูผิวหน้าได้

ขมิ้นลดริ้วรอยบนใบหน้า: ผงขมิ้นผสมกับถั่วเขียวบดเป็นแป้งละเอียดผสมกับนม ใช้พอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที สามารถช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ หากทำเป็นประจำ 1-2 เดือน

ขมิ้นครีมสำหรับเวลากลางคืน: สามารถใช้ขมิ้น + นม + โยเกิร์ต พอกหน้าในขณะเวลานอนหลับตอนกลางคืนได้ และสามารถล้างออกในตอนเช้าด้วยน้ำอุ่น

ขมิ้นรักษาสิว: ขมิ้นมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติอยู่แล้ว สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ ช่วยลดการแดงและอักเสบของสิว การดื่มชาขมิ้นก็สามารถเป็นยาป้องกันการระบาดของสิวได้ การผสมขมิ้นกับน้ำมะนาว ,น้ำมันงาหรือน้ำแตงกวา (ใช้น้ำมะพร้าวก็ได้ แต่คนไทยคงจะถือกันเรื่องการเอาน้ำมะพร้าวมาล้างหน้า ^^" ) ใช้แต้มสิวทิ้งไว้ 10-15 นาทีและล้างออกด้วยน้ำอุ่น สามารถช่วยรักษาสิวได้

ขมิ้นใช้มาร์คหน้าสำหรับคนหน้ามัน: ขมิ้นช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าได้ การใช้ผงขมิ้น ผสมกับน้ำส้ม ผสมกับผงจากไม้จันทน์ ผสมกับน้ำผึ้ง นำมาพอกหน้า 10-15 นาที เป็นประจำสามารถช่วยลดปัญหาหน้ามันได้...

ขมิ้น นอกจากจะบำรุงผิวพรรณแล้วยังมีประโยชน์กับร่างกายอีกมากมายด้วย



29.9.12

Lose weight for good without feeling hungry





 



Lose weight for good without feeling hungry or spending a fortune on specialty foods, useless products or harmful diet pills
The Food Timing Diet works with your natural biochemistry to help you shed excess fat and achieve the body you want

  • Accelerate your metabolism so you burn more calories every minute of every day, even when you're not exercising.
  • Reprogram your body to burn fat -- not store it -- by tapping your natural genetic blueprint for energy management.
  • Eat more frequently -- not less -- so that you never feel deprived of food.
    Requires no supplements or pills whatsoever.

If you've had trouble losing weight, consider this: Most diets set you up to fail. They work against your natural biochemistry and program your body to store fat, not to release it.
A real weight loss solution requires working with your biochemistry, not against it. That's why Mike Adams, the Health Ranger, authored The Food Timing Diet, a breakthrough weight loss guide based on sound nutritional principles, not weight loss gimmicks or "miracle" weight loss shams.
The Food Timing Diet is no overnight weight-loss scheme; it's a smart eating plan that you can stick to for life because it harnesses the natural fat-burning potential programmed into every human body.
No bizarre food restrictions!
On the Food Timing Diet, you consume healthy foods on a frequent meal basis (every 30, 60 or 120 minutes, depending on what suits you best), so you never feel unbearably hungry or deprived of delicious food.
It also works with nearly every food lifestyle: Vegetarian, vegan, high-protein, meat-and-potatoes, you name it. You won't have to starve yourself or make radical changes to your foods in order to succeed with the Food Timing Diet.
WHEN you eat vs. WHAT you eat
What's the secret? The Food Timing Diet reveals how when you eat is just as important as what you eat. Based on nutritionally sound principles combined with fundamentals of human physiology, the Food Timing Diet encourages you to eat more frequently to retrain your metabolism to burn fat, not store it.
And once the full power of the Food Timing Diet kicks in (usually in about 30 days), you will feel more energetic and mentally alert than you have in years as blood sugar swings are eliminated and your brain benefits from a steady flow of performance-enhancing energy all day long.
The Food Timing Diet delivers results because it teaches you how to work with your body's natural biochemistry. You won't feel light-headed, exhausted or irritable like you do on some diets because the Food Timing Diet is based on sound nutrition, not marketing hype. There are no pills to buy. No gimmicks, contraptions or exercise machines. The best part is, on this plan you get to eat a lot! Start reading now to discover:

  • Three simple rules to success on the Food Timing Diet
  • How to eat all day long and still lose weight
  • Why low-carb diets fail (and how to make them work!)
  • How women can lower their body fat to 15 percent (10 percent for men)
  • Tips for knowing exactly how to tell if you're eating too little or too much
  • What really works to control appetite
  • How to avoid the yo-yo effect
  • Why eating three meals a day trains your body to store fat, and how eating 16 meals a day reverses fat storage
  • How to make healthy foods that taste like sinful indulgences
  • Why stimulant supplements exhaust your adrenal glands and harm your health, even if they cause weight loss
  • How to naturally shrink your stomach without radical surgery
  • Why the Food Timing Diet also helps prevent diabetes and actually reverses its symptoms
  • The USDA's food guide pyramid is outdated; here's what to follow instead
  • Revealed! Food additives that interfere with appetite control and cause you to overeat
  • How to increase weight loss with exercise shortcuts that won't exhaust you
  • Why this diet will lower your stress level, further accelerating weight loss by reducing cortisol production
  • How to become more aware of your body's messages
  • Tricks to reducing cravings for unhealthy foods
  • How to modify the Food Timing Diet to incorporate any eating philosophy: Vegan, kosher, meat eater, vegetarian, etc.
  • Why you may experience as much energy as a teenager when you are on this diet
  • How to adjust the Food Timing Diet to meet your fitness goals
  • Why skipping meals makes you gain weight
  • Where to find healthy carbs to fuel your brain and body
  • Why you need to "cycle your macronutrients"

... and more.
This is a serious weight loss program for those who are tired of the "miracle" diet pills, gimmicks and weight loss frauds. It's easy to understand, easy to follow and flexible enough to fit almost any lifestyle. Consider:

  • No strict recipes to follow (YOU decide what to eat!)
  • No requirement of tracking grams of fat, carbohydrates or fiber.
  • No grueling exercise requirements. We teach you exercise shortcuts!
  • No pH testing required.
  • No stress on your kidneys or liver like with some other diets.
  • No pills to buy.
  • Comes with a 100 percent money-back satisfaction guarantee.