เรื่องน่าอายที่ผู้หญิงไม่อยากบอก!
ทุกคนย่อมมีความลับหรือเรื่องราวที่ปกปิดไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงาม ถ้าวันหนึ่งเกิดมีปัญหาสุขภาพส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพทำลายความเชื่อมั่นอย่างจัง ก็อาจกลายเป็นคนอมทุกข์หรือเก็บตัวอยู่คนเดียว แบบนี้ย่อมไม่ดีแน่ต้องหาทางแก้ด่วน ซึ่ง 4 สุดยอดเรื่องน่าอายในใจหญิงที่เรารวบรวมมา ได้แก่ การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ตกขาวมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นตัวและเหงื่อรักแร้ออกมากเกิน และสุดท้ายการผายลมและเรอบ่อย
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือช้ำรั่ว (Overactive Bladder หรือ OAB)
มักเกิดจากการที่กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาไอ จาม หัวเราะหรือยกของหนัก ทำให้ปัสสาวะเล็ดหรือซึมออกมาเปรอะเปื้อนกางกางชั้นใน พาลให้ไม่กล้าออกไปท่องเที่ยวหรือทำธุระนอกบ้าน อาการนี้เป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ผู้หญิงมักเป็นมากถึง 75% ในช่วงอายุหลังวัยหมดประจำเดือน เนื่องมาจากความเสื่อมของระบบควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะ กล้ามเนื้อหูรูด ท่อปัสสาวะและกล้ามเนื้อช่องเชิงกราน หรือกระบังลมทำงานไม่สัมพันธ์กันเหมือนเดิม นอกจากนี้อาการช้ำรั่วสามารถเกิดได้กับผู้หญิงหลังคลอดบุตร มีน้ำหนักเกิน ไอเรื้อรัง และโรคเบาหวาน วิธีรับมือกับเรื่องลับๆ ของคุณนี้มีทั้งแบบง่าย คือ การออกกำลังกายกระชับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้แข็งแรงขึ้น ด้วยการฝึกขมิบกล้ามเนื้อรอบๆ ช่องคลอด เหมือนกับการกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ให้ไหล ให้ขมิบนานครั้งละ 10 วินาทีและคลายออก ทำเป็นพักๆ ประมาณ 50-60 ครั้ง วันละ 3-4 ครั้ง หรือวิธีที่ยากหน่อยคือ การผ่าตัดทำรีแพร์ช่องคลอด (A-P repair) การผ่าตัดรั้งท่อปัสสาวะทางหน้าท้อง ผ่าตัดโดยใช้สายเทปคล้องท่อปัสสาวะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและคำวินิจฉัยของแพทย์ค่ะ
ส่วนวิธีป้องกันเบื้องต้นของอาการปัสสาวะเล็ดก็คือ
การหลีกเลี่ยงดื่มเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟและแอลกอฮอล์ที่จะทำให้ปัสสาวะบ่อยมากขึ้น แต่อย่ากลัวปัสสาวะจนไม่กล้าดื่มน้ำ เพราะนั่นจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ระบบขับถ่ายยิ่งแย่เข้าไปอีก คุณควรพยายามดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 6-8 แก้ว แต่อาจหลีกเลี่ยงการดื่มช่วงก่อนเข้านอน เพื่อจะไม่ต้องตื่นมาทำธุระกลางดึกรบกวนการนอนค่ะ
ตกขาวมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
ข้อแม้ของความลับกรณีนี้คือ คุณจำเป็นต้องบอกให้สูติ-นรีแพทย์ทราบ อย่าเก็บเป็นเรื่องน่าอายของตนเอง มิฉะนั้นอาจส่งผลต่อสุขภาพภายในให้รุนแรงหรือเป็นมากขึ้น ภาวะตกขาวที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
จากเชื้อรา (Yeast, candida, fungus) จากตกขาวที่ปกติจะมีลักษณะเป็นมูกใสๆ ไหลออกมาจากช่องคลอด กลับกลายเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว ทำให้มีกลิ่นไม่ค่อยดี อาจมีอาการคันและแสบที่ปากช่องคลอด ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก
- สวมกางเกงในที่ไม่ระบายอากาศ การใส่กางเกงแฟชั่นรัดติ้ว หรือผ้าเนื้อหนาไป ทำให้เหงื่อระเหยช้า เกิดกลิ่นอับ -การรักสะอาดมากไป การใช้สบู่ที่เป็นด่างมากๆ ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นจะทำให้สภาพปากช่องคลอดมีความเป็นกรดตามธรรมชาติลดลง ทำให้เกิดอาการคันระคายเคืองและเกิดเชื้อราได้ง่าย
- เกิดจากการลืมเปลี่ยนแผ่นอนามัยทุก 2-3 ชั่วโมง ทำให้เกิดภาวะอับชื้นเอื้อให้เชื้อโรคเติบโตได้ดี
-รับประทานยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น เช่น เมื่อเป็นหวัดและรับประทานยาฆ่าเชื้อไวรัส มักจะส่งผลให้เชื้อโรคปกติที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดตายไปด้วย ทำให้ไม่มีปราการป้องกันตามธรรมชาติ สามารถติดเชื้อราได้ง่าย
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคหนองใน แผลริมอ่อน แบคทีเรียทริโคโมนาส (Trichomonas) ที่เป็นสาเหตุทำให้ตกขาวมีกลิ่นเหม็น การติดเชื้อไวรัสหูดหงอนไก่ เริม มะเร็งปากมดลูก ฯลฯ ซึ่งอย่าเพิ่งตกอกตกใจคิดไปว่าตนเองจะเป็นได้มากขนาดนี้เชียวหรือ เพราะวิธีเดียวที่จะฟันธงว่าปัญหาน่าอายนี้เกิดจากอะไรนั้นคือ การไปพบสูติ-นรีแพทย์ เพื่อตรวจภายในและนำตกขาวไปทดสอบค่ะ
กลิ่นตัวและเหงื่อรักแร้ออกมากเกิน
เป็นเรื่องหนึ่งที่คุณผู้หญิงกังวลมากที่สุด เพราะถ้ามีแล้วจะรู้สึกว่าตัวเองไม่รักษาความสะอาด ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่าการที่มีกลิ่นตัวหรือเหงื่อออกบริเวณรักแร้ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือผิดปกติ แต่เป็นเรื่องธรรมชาติของร่างกายที่ต่อมเหงื่ออะโปรลีน บริเวณรักแร้ขับเหงื่อออกมาเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกายให้เหมาะสม เดิมทีเหงื่อที่ขับออกมาจะไม่มีกลิ่นเหม็น แต่เป็นเพราะเจ้าแบคทีเรียที่อยู่ตามที่อับชื้นอาศัยคราบเหงื่อเป็นอาหาร กลายเป็นกลิ่นตัวในที่สุด ปัญหานี้กลุ่มวัยรุ่นจะประสบมากหน่อยอันเนื่องมาจากฮอร์โมนที่ปรับเปลี่ยนตามธรรมชาติ ถ้าผ่านช่วงนี้ไปปัญหาเรื่องกลิ่นตัวก็จะลดลงไปเอง
ข้อแนะนำเบื้องต้นในการลดกลิ่นตัวก็คือ
-การใช้ยาลดเหงื่อ (antiperspirant) มีทั้งแบบโรลออน สเปรย์หรือแท่งสติ๊ก และยาดับกลิ่นตัว (deodorant)ลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยบนผิวหนังคู่กับการดับกลิ่น
- การอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด ใส่เสื้อผ้าแห้งสะอาด เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี เพื่อให้เหงื่อระเหยได้ง่าย และหลีกเลี่ยงเสื้อที่รัดและแนบรั้งบริเวณใต้วงแขนมากไป
- หมั่นโกนขนรักแร้ เพราะขนรักแร้จะทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตดีขึ้น ส่งผลให่มีกลิ่นตัวง่ายขึ้น
-หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ด อาหารที่มีกลิ่นฉุน เครื่องเทศ เช่น กระเทียม เพราะกลิ่นอาหารจะขับออกมาพร้อมเหงื่อ
ส่วนเรื่องกังวลใจเกี่ยวกับเหงื่อรักแร้ที่ออกมากเกิน ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนัง ซึ่งจะเป็นคนประเมินว่าเหงื่อคุณออกมากผิดปกติจนต้องรักษาหรือไม่ อย่าเป็นหนูทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่ขายตามท้องตลาดจนผสมปนเปกันไปหมด อาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือระคายเคืองผิวหนังได้
ผายลมและเรอบ่อย
เรื่องแบบนี้ถ้าธรรมชาติเรียกร้องก็อย่าฝืนจะดีกว่าค่ะ (แต่ถ้าจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ก็ต้องทำให้เนียนที่สุด) การผายลมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นก๊าซที่ผลิตขึ้นโดยแบคทีเรียในลำไส้ ในวันหนึ่งคุณสามารถตดได้ถึง 1.5 ลิตรทีเดียว! แต่คนเราจะผายลมมากน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
-การกลืนน้ำลาย การใช้หลอดดูดเครื่องดื่ม การเคี้ยวรับประทานอาหาร
- ชนิดของอาหารที่รับประทาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะไม่ถูกกับอาหารชนิดใดทำให้เกิดภาวะย่อยยาก เช่น ถั่ว นมวัว น้ำอัดลม หัวหอมใหญ่ บรอกโคลี กะหล่ำปลี ส้มโอ ลูกพรุน เนื้อสัตว์บางชนิด ซึ่งร่างกายอาจย่อยได้ไม่ดี ทำให้เกิดอาการท้องอืด เรอและผายลม
- มีอาการผิดปกติในระบบย่อยอาหารอยู่ก่อน เช่น โรคกระเพาะ โรคกรดไหลย้อน โรคลำไส้แปรปรวน หรือแม้แต่ความเครียด หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดก็ทำให้เกิดแก๊สในลำไส้มากได้เช่นกัน
ถ้าไม่อยากให้ตัวเองผายลมและเรอมากไป ก็ต้องสังเกตและหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ถูกกับร่างกาย งดดื่มน้ำอัดลมที่มีแก๊สมาก เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน หลังรับประทานอาหารพยายามเดินย่อยก่อนสัก 5-10 นาที แต่ถ้ารู้สึกว่ามีอาการท้องอืด จุกแน่น เรอหรือผายลมมากผิดปกติ เป็นติดต่อกันนานๆ ขอแนะนำให้พบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
ความลับถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลก็จริง แต่ถ้าเป็นเรื่องน่าอายส่งผลต่อสุขภาพและบุคลิกแบบนี้ คุณควรจะแบ่งปันความทุกข์ในใจให้สมาชิกในครอบครัว หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อชี้ทางออกให้นะคะ
ที่มา: HealthToday
Showing posts with label ปัสสาวะ. Show all posts
Showing posts with label ปัสสาวะ. Show all posts
23.5.09
19.5.09
วิธี ขับถ่าย ปัสสาวะเพื่อ สุขภาพ ที่ดี
วิธี ขับถ่าย ปัสสาวะเพื่อ สุขภาพ ที่ดี
ทราบหรือไม่ว่า การขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นปกติเพื่อสุขภาพที่ดีนั้นทำอย่างไร วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก...
- อย่ากลั้นปัสสาวะ เมื่อรู้สึกปวดต้องไปปัสสาวะ
- เวลาปัสสาวะไม่ควรรีบร้อนเบ่งมาก เพราะอาจทำให้หูรูดปัสสาวะชำรุดได้
- ควรถ่ายปัสสาวะให้เหลือน้อยที่สุดในหนึ่งครั้ง คือ เมื่อรู้สึกถ่ายหมดแล้วให้เบ่งต่ออีกนิดหน่อย ปัสสาวะที่เหลือจะไหลออกมา
- ไม่ควรบังคับให้ถ่ายปัสสาวะบ่อย เพราะจะติดเป็นนิสัย เวลาที่เหมาะสมคือ 2-4 ชั่วโมงควรถ่ายปัสสาวะหนึ่งครั้ง
- ให้สังเกตการถ่ายปัสสาวะ และน้ำปัสสาวะทุกครั้งว่า ต้องเบ่งมากผิดปกติหรือไม่ น้ำปัสสาวะลำพุ่งดีหรือไม่ ลำน้ำปัสสาวะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมหรือไม่ น้ำปัสสาวะมีสีเหลืองใสหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการผิดปกติที่สามารถบอกโรคได้
- อาจจะล้างทำความสะอาดหลังปัสสาวะ แต่อย่าให้บริเวณนั้นเปียกชื้น เพราะอาจเกิดเชื้อราได้ ทางที่ดีหลังปัสสาวะทุกครั้ง ควรซับให้แห้ง
- เมื่อปัสสาวะไม่ออก ต้องหาสาเหตุโดยการไปพบแพทย์ อย่าซื้อยาขับปัสสาวะรับประทานเพราะจะเกิดอันตรายได้
- เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน การบริหารอุ้งเชิงกรานโดยการขมิบ (ฝ่ายหญิงขมิบช่องคลอด ฝ่ายชายขมิบทวารหนัก) วันละ 100 ครั้ง จะช่วยป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด
- ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 10 แก้ว หรือหนึ่งลิตร จะช่วยให้น้ำปัสสาวะใส มีจำนวนพอดีและป้องกันภาวะปัสสาวะอักเสบ
- ก่อนมีเพศสัมพันธ์ และหลังมีเพศสัมพันธ์ คุณผู้หญิงควรถ่ายปัสสาวะทิ้ง จะช่วยป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- น้ำปัสสาวะจะต้องเป็นน้ำเท่านั้น ถ้ามีมูก หนอง น้ำเหลือง เลือดปนออกมา ถือว่าผิดปกติต้องไปพบแพทย์
- การขับถ่ายปัสสาวะ ต้องขับถ่ายคล่องไม่มีอาการเจ็บปวด ถ้าปัสสาวะแสบขัดลำบากนับว่าเป็นอาการผิดปกติ ต้องรีบไปพบแพทย์
- ทุกคนต้องปัสสาวะทุกวัน วันละ 4-6 ครั้ง ถ้าไม่ปัสสาวะเลย 1 วันถือว่าตกอยู่ในภาวะอันตรายต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
รู้อย่างนี้แล้ว ควรขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นปกติเพื่อสุขภาพที่ดี.
ทราบหรือไม่ว่า การขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นปกติเพื่อสุขภาพที่ดีนั้นทำอย่างไร วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก...
- อย่ากลั้นปัสสาวะ เมื่อรู้สึกปวดต้องไปปัสสาวะ
- เวลาปัสสาวะไม่ควรรีบร้อนเบ่งมาก เพราะอาจทำให้หูรูดปัสสาวะชำรุดได้
- ควรถ่ายปัสสาวะให้เหลือน้อยที่สุดในหนึ่งครั้ง คือ เมื่อรู้สึกถ่ายหมดแล้วให้เบ่งต่ออีกนิดหน่อย ปัสสาวะที่เหลือจะไหลออกมา
- ไม่ควรบังคับให้ถ่ายปัสสาวะบ่อย เพราะจะติดเป็นนิสัย เวลาที่เหมาะสมคือ 2-4 ชั่วโมงควรถ่ายปัสสาวะหนึ่งครั้ง
- ให้สังเกตการถ่ายปัสสาวะ และน้ำปัสสาวะทุกครั้งว่า ต้องเบ่งมากผิดปกติหรือไม่ น้ำปัสสาวะลำพุ่งดีหรือไม่ ลำน้ำปัสสาวะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมหรือไม่ น้ำปัสสาวะมีสีเหลืองใสหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการผิดปกติที่สามารถบอกโรคได้
- อาจจะล้างทำความสะอาดหลังปัสสาวะ แต่อย่าให้บริเวณนั้นเปียกชื้น เพราะอาจเกิดเชื้อราได้ ทางที่ดีหลังปัสสาวะทุกครั้ง ควรซับให้แห้ง
- เมื่อปัสสาวะไม่ออก ต้องหาสาเหตุโดยการไปพบแพทย์ อย่าซื้อยาขับปัสสาวะรับประทานเพราะจะเกิดอันตรายได้
- เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน การบริหารอุ้งเชิงกรานโดยการขมิบ (ฝ่ายหญิงขมิบช่องคลอด ฝ่ายชายขมิบทวารหนัก) วันละ 100 ครั้ง จะช่วยป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด
- ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 10 แก้ว หรือหนึ่งลิตร จะช่วยให้น้ำปัสสาวะใส มีจำนวนพอดีและป้องกันภาวะปัสสาวะอักเสบ
- ก่อนมีเพศสัมพันธ์ และหลังมีเพศสัมพันธ์ คุณผู้หญิงควรถ่ายปัสสาวะทิ้ง จะช่วยป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- น้ำปัสสาวะจะต้องเป็นน้ำเท่านั้น ถ้ามีมูก หนอง น้ำเหลือง เลือดปนออกมา ถือว่าผิดปกติต้องไปพบแพทย์
- การขับถ่ายปัสสาวะ ต้องขับถ่ายคล่องไม่มีอาการเจ็บปวด ถ้าปัสสาวะแสบขัดลำบากนับว่าเป็นอาการผิดปกติ ต้องรีบไปพบแพทย์
- ทุกคนต้องปัสสาวะทุกวัน วันละ 4-6 ครั้ง ถ้าไม่ปัสสาวะเลย 1 วันถือว่าตกอยู่ในภาวะอันตรายต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
รู้อย่างนี้แล้ว ควรขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นปกติเพื่อสุขภาพที่ดี.
Subscribe to:
Posts (Atom)