Showing posts with label ร่างกาย. Show all posts
Showing posts with label ร่างกาย. Show all posts

30.5.09

สารเอ็นโดฟินส์กับความรัก

สารเอ็นโดฟินส์กับความรัก

ในสมองของคนเรามีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนมากมายและมีการหลั่งสารเคมีหลายชนิดเมื่อเรากำลังมีความรัก หนึ่งในสารเคมีเหล่านั้นคือสาร เอ็นโดฟินส์ ( ENDORPHINES) หรือ สารแห่งความสุข หรือ สารสุข

เรื่อง: พญ.เรขา กลลดาเรืองไกร
ความรักไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเองและก็ไม่รับเอาสิ่งใดนอกจากตนเองความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมถูกครอบครองเพราะความรักนั้นพอเพียงแล้วสำหรับตอบความรักคาลิล ยิบราน

ถึงแม้ว่าจะผ่านวันแห่งความรักมานานแล้ว แต่เราก็ยังคงสัมผัสกับความรักอยู่เสมอไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ความรักเป็นสิ่งจรรโลงใจให้กับมนุษย์มานานแสนนาน อาจสังเกตได้จากบทเพลง บทกวี นวนิยาย ละคร หรืออุปรากรต่างๆ ก็มักวนเวียนอยู่กับเรื่องของความรัก

ความรักของแต่ละคนก็มีนิยามแตกต่างกัน บางคนมีความรักที่หมายถึงความรู้สึกอยากอยู่ใกล้ คิดถึงเมื่ออยู่ห่างไกล ต้องการทำสิ่งที่ดีให้เพื่อเอาใจ บางคนความรักหมายถึงการอยากใช้ชีวิตด้วย อยากมีครอบครัวด้วยกัน อยากแก่ไปด้วยกัน

บางครั้งความรักก็นำความทุกข์มาให้แก่คนเรา แต่หลายๆ ครั้งที่ความรักนำความสุข ความอิ่มใจ ปลื้มปิติมาให้ทั้งแก่ผู้รักและผู้ถูกรัก

หลายท่านอาจเคยมีประสบการณ์ยามเมื่อแรกรักใหม่ๆ ถึงแม้จะเป็นการแอบชอบ แอบรักใครสักคนก็ตาม ก็มักรู้สึกว่าช่วงนั้นพิเศษกว่าปกติ สามารถนั่งอมยิ้มได้คนเดียวเมื่อนึกถึง มองอะไรๆ สดชื่นไปหมด อยากรู้ความเป็นไปของคนที่เรารักทุกอย่าง บ่อยครั้งก็มองเห็นแต่ข้อดีของคนที่เราชอบ เรารัก ต่อมาเมื่อคบกันนานเข้า ก็ต้องมีการปรับตัวเข้าหากัน เมื่อคนที่รักกันอยู่ด้วยกันนานๆ ก็มักจะมี ความผูกพัน กัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากความรู้สึกรักใคร่ในช่วงแรก

สารเอ็นโดฟินส์เป็นสารเคมีจำพวกเดียวกับฝิ่น (opioid) ซึ่งผลิตขึ้นภายในร่างกาย โดยสมองส่วนไฮโปธารามัส (Hypothalamus) และต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) อันเนื่องมาจากเป็นสารเคมีจำพวกเดียวกับฝิ่นจึงมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด (Analgesia) และทำให้รู้สึกสุขสบาย (Sense of well-being)หรืออีกนัยหนึ่ง สารเอ็นโดฟินส์ก็คือ ยาแก้ปวดแบบธรรมชาติ นั่นเอง

สารเอ็นโดฟินส์นี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดย John Hughs และ Hans Kosterlitz ในปี ค.ศ.1975 โดยพบในสมองของสุกร ในขณะนั้นเขาได้ให้ชื่อว่าสาร Enkephalins (ในภาษากรีก egkephalos มีความหมายว่า ภายในกะโหลกศีรษะ) และต่อมาได้มีการค้นพบสารเอ็นโดฟินส์อีกหลายชนิดในมนุษย์ โดยคำว่า Endophine นั้นมีที่มาจากคำว่า Endogenous Morphine ซึ่งหมายถึงสารมอร์ฟีนที่ถูกผลิตขึ้นภายในร่างกายโดยธรรมชาติซึ่งไม่ก่อผลเสียต่อร่างกาย

เมื่อเรามีความสุขหรืออยู่ในสภาวะที่สุขสบาย (Pleasure experience) ไม่ว่าจะเป็นการจินตนาการหรือความรู้สึกจากประสาทรับสัมผัสทั้ง 5 เช่น การเล่นคลอเคลียกันสัตว์เลี้ยงแสนรัก การฟังดนตรีเพราะๆ การอ่านหนังสือที่ถูกใจ การดูภาพยนตร์ การออกกำลังกาย (ในบางตำรากล่าวว่าต้องเป็นการออกกำลังกายที่หนักๆ) การทำสมาธิ หรือการที่มีความรู้สึกรัก การได้พูดคุยกับคนที่เรารัก การได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก การได้สัมผัสถ่ายทอดความรักซึ่งกันและกัน กระทั่งการได้ร่วมรักกับคนที่เรารัก ขั้นตอนการเล้าโลม เหล่านี้เป็นการกระตุ้นให้สมองเกิดการหลั่งสารเอ็นโดฟินส์ขึ้น(โดยพบว่ามีการหลั่งสารเอ็นโดฟินส์อย่างมากในช่วง orgasm)

เมื่อสารเอ็นโดฟินส์ที่หลั่งออกมานี้จะไปจับกับตัวรับ(receptor) ชนิด Opioid ในสมอง ก็จะมีผลโดยรวมทำให้เกิดการหลั่งของสารโดปามีน(Dopamine) มากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดผลดีต่อร่างกายต่างๆ เช่น บรรเทาความเจ็บปวด เกี่ยวข้องกับสมดุล ความหิว การนอนหลับ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบหายใจ ระบบควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีผลต่อการควบคุมการสร้างฮอร์โมนเพศ (sex hormones) และที่สำคัญสารเอ็นโดฟินส์สามารถส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Immune system) โดยมีการศึกษาและรายงานถึงผลของการหัวเราะว่าทำให้เกิดการหลั่งสารเอ็นโดฟินส์ในสมองมากขึ้น จะเกิดการกดการทำงานของ Stress hormone หรือฮอร์โมนที่หลั่งเมื่อร่างกายเผชิญกับสภาวะที่เครียด เช่น Adrenaline มีผลทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ ผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้อาการปวดบรรเทาลง และมีผลทำให้หลอดเลือดขยายตัวได้ดีขึ้น ทำให้เม็ดเลือดขาวเดินทางเข้าไปฆ่าเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น โอกาสเจ็บป่วยก็จะลดลง คือทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นนั่นเอง ดังนั้นการที่มีกิจกรรมใดก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกเป็นสุขมีการหลั่งสารเอ็นเอ็นโดฟินส์ย่อมมีส่วนเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายได้เสมอ

เนื่องจากร่างกายกับจิตใจมีความเชื่อมประสานกันอย่างแยกไม่ได้ ในบางครั้งอาจเคยสังเกตว่าเวลาไม่สบายกาย จิตใจก็มักหงุดหงิดหรือหดหู่ไปด้วย หรือเวลาที่ไม่สบายใจ ร่างกายก็พลอยเบื่ออาหาร นอนไม่หลับไปด้วย ดังนั้นเวลาที่คนเราไม่สบาย นอกจากการรับประทานยาตามแพทย์สั่งแล้ว การอยู่ในสภาวะที่มีความสบายกาย และสบายใจ หรือมีความสุขใจ ก็มีผลดีต่ออาการเจ็บป่วยทางร่างกาย การมีความรัก มีคนรักคอยเอาใจใส่ดูแลอยู่ใกล้ๆ การได้รับสัมผัสการกอด จูบ การลูบหัว จับมือจากคนรัก ซึ่งจะทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ สบายใจขึ้นทันที เป็นสิ่งที่ทำให้เกิด Pleasure experience เมื่อมีการหลั่งสารเอ็นโดฟินส์แล้ว คนรักที่กำลังไม่สบายก็จะรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง การทำงานของเม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันโรคก็แข็งแรงขึ้น มีผลให้หายเจ็บป่วยได้ไวขึ้นเช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่าความรักนั้น นอกจากจะทำให้สุขใจแล้ว ยังทำให้สุขกายได้อีกด้วย

ในผู้ที่ติดสารเสพติดนั้น เหตุผลของการใช้สารเสพติดมักเกี่ยวข้องกับความต้องการคลายเครียด คลายความทุกข์ใจ อยากรู้สึกสนุกหรือมีความสุขมากขึ้น ฯลฯ ซึ่งจะพบว่า ถ้าครอบครัว และสังคม มีความรัก ความอบอุ่นให้แก่กันเพียงพอ และรู้จักการหาความสุขจากกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ก็จะเกิดการหลั่งของ Endogenous Morphine หรือ Endorphine ทำให้รู้สึกสุขสบาย ไม่ต้องหาสารสุขจากภายนอก เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาการใช้สารเสพติดลงได้เป็นอย่างยิ่ง

ที่มา : นิตยสาร Health Today

31.3.09

มาตรวจสุขภาพ ประจำปีกันเถอะ

มาตรวจสุขภาพ ประจำปีกันเถอะ

หลังจากโหมงานมาหนักและตะลอนเที่ยวสมบุกสมบันกันเต็มที่ทั้งปี ถึงเวลาเสียทีที่จะพาร่างกายไปตรวจเช็ค เพื่อที่ปีหน้าฟ้าใหม่ จะได้มีแรงพลังสร้างผลกับงานเต็มที่โดยไม่มีภัยโรคมาสกัดดาวรุ่ง สุดสัปดาห์คัดโรคที่กำลังติดอันดับคุกคามผู้หญิงไทยมาให้คุณได้รู้จัก ถ้าคุณมีอาการคลับคล้ายคลับคลาว่าใช่ ก็ไปพบคุณหมอได้เลย (รู้ไวก็มีโอกาสหายขาดไวเช่นกัน)

> มะเร็งช่องคลอดความจริงข้อหนึ่งของการเป็นโรคนี้ใช่ว่าจะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังเกิดจากไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงที่ชอบใส่กางเกงในผ้าไนลอนที่อับชื้นหรือชุดรัดรูป ซึ่งรวมถึงกางเกงยีนฟิตๆ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อราที่จุดซ่อนเร้น และอาจถึงขั้นเป็นมะเร็ง

> หลอดเลือดในสมองแตกความน่ากลัวของโรคนี้คือ วันนี้คุณอาจคุยกับใครคนหนึ่ง เดิน วิ่ง ทำอะไรต่อมิอะไรด้วยกัน แต่วันพรุ่งนี้เขาอาจต้องทนทุกข์ทรมานกลายเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ มีลมหายใจแต่ไร้ความรู้สึก เป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชายนิทราไปก็ได้

> ช็อกโกแลตซีสต์คือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ แพทย์เชื่อว่าเกิดจากเลือดระดูไหลย้อนกลับ คือแทนที่จะออกมาทางช่องคลอดตามปกติ ก็ไหลย้อนกลับเข้าไปผ่านทางหลอดมดลูก แล้วเข้าไปในช่องท้องไปฝังตัวที่รังไข่จนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำขึ้น ทำให้มีอาการปวดท้องมากเวลามีประจำเดือน

> หลอดเลือดหัวใจตีบตัน / กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดโรคนี้เป็นได้ทุกเพศทุกวัย หากคุณมีไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายมีไขมันในเลือดสูงความดันเลือดสูง เบาหวาน อ้วน สูบบุหรี่ เครียด และไม่ออกกำลังกาย ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจก็เสี่ยงต่อโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดด้วย

> หูเสื่อมหนุ่มๆ สาวๆ ที่นิยมเที่ยวดิสโก้เธ็คแทบทุกคืน รวมถึงผู้ที่ทำงานใกล้กับเครื่องลำโพงขยายเสียง (วัดความดังเกิน 90 เดซิเบล) เช่น อาชีพหนุ่มสาวพริตตี้ หรือแม้แต่คนที่ชอบแวะงานอีเว้นท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตามที แต่หากสนใจเฉพาะเนื้องาน โดยไม่ระมัดระวังลำโพงตัวดีแล้วละก็ โอกาสของการเป็นโรคหูเสื่อมก็จะเกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้หนุ่มๆ สาวๆ ที่รักการเที่ยวกลางคืนก็ควรเพลาๆ การเที่ยวลง หรือหากไปเที่ยว พึงเตือนตัวเองว่าอย่าเข้าใกล้ลำโพงที่มีเสียงดังมากๆ เพราะจะกระทบต่อการได้ยินได้ฟังได้

> หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาทโรคนี้เป็นกันตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงสูงอายุ ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท เกิดได้กับหมอนรองกระดูกตั้งแต่ระดับกระดูกสันหลังส่วนคอจนถึงส่วนเอวแตก และมีส่วนไส้ของหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนถอยหลังกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง ทำให้ผู้ป่วยปวดขาชา อ่อนแรง

> ไวรัสตับอักเสบซีกลุ่มเสี่ยงของผู้ที่เป็นโรคนี้ค่อนข้างหลากหลาย แต่สำหรับผู้อ่าน สุดสัปดาห์ ที่นิยมการสัก การเจาะลายต่างๆ ตามผิวหนังรวมถึงเจาะหู ให้พึงระวังเรื่องความไม่สะอาด

The One & Only

นี่เป็นรายชื่อโรงพยาบาลรักษาเฉพาะด้าน เพื่อให้ผู้ป่วยเลือกเข้ารับการรักษาอย่างตรงจุดมากขึ้น

1. ศูนย์มะเร็งที่ตั้ง : ศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลสมิติเวช รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง โทร. 0-2731-7000
2. โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพที่ตั้ง : โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ โรงพยาบาลหัวใจแห่งแรกในประเทศไทย ให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจให้ทัดเทียมต่างประเทศ โทร. 0-2310-3000 หรือ 1719
3. โรงพยาบาลมนารมย์ที่ตั้ง : โรงพยาบาลมนารมย์ ให้บริการดูแลรักษาเฉพาะทางสุขภาพจิตและจิตเวชอย่างครบวงจร โทร. 0-2725-9595
4. ศูนย์โรคตับและปลูกถ่ายตับที่ตั้ง : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รักษาโรคตับ การเปลี่ยนตับ การปลูกถ่ายตับ การบริจาคตับ และการเปลี่ยนตับในประเทศไทย โทร. 0-2256-4286, 0-2256-4514
5. ศูนย์พิษวิทยาที่ตั้ง : โรงพยาบาลรามาธิบดี หน่วยงานที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายจากสารเคมี ยาหรือสารพิษต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 0-2354-7272, 0-2201-1083
6. ศูนย์นารีรักษ์ที่ตั้ง : โรงพยาบาลรามาธิบดี ศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงที่ได้รับความรุนแรงในครอบครัว รามาธิบดี อาคาร 1 ชั้น 2 โทร. 0-2201-1103
7. ฝ่ายเภสัชกรรมที่ตั้ง : โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้บริการข่าวสาร ความรู้ บทความ และคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยา โทร. 0-2201-1271
8. โรงพยาบาลจักษุรัตนินที่ตั้ง : โรงพยาบาลจักษุรัตนิน โรงพยาบาลเฉพาะทางตาแห่งแรกของประเทศไทย ให้บริการรักษาโรคตาทุกชนิด โทร. 0-2639-3399
9. ศูนย์โรคกระดูกสันหลังกรุงเทพที่ตั้ง : ศูนย์โรคกระดูกสันหลังกรุงเทพ โรงพยาบาลเจ้าพระยา ถนนบรมราชชนนี กรุงเทพฯ โทร. 0-2884-7000 ต่อ 1141
10. โรงพยาบาลตา หู คอ จมูกที่ตั้ง : โรงพยาบาลตา หู คอ จมูก โรงพยาบาลเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับโรคตา หู คอ จมูก และทันตกรรม โทร. 0-2886-6600 - 16
11. โรงพยาบาลยันฮีที่ตั้ง : โรงพยาบาลยันฮี ให้บริการศัลยกรรมความงามด้วยมือแพทย์ ตั้งอยู่เลขที่ 454 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 90 บางอ้อ บางพลัด กรุงเทพฯ โทร. 0-2879-0300
12. ศูนย์ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองและการนอนหลับที่ตั้ง : โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โทร. 0-2235-1000 - 7, 0-2634-0560 - 79 ต่อ 2685 - 6
13. คลินิคเวชศาสตร์ท่องเที่ยวและการเดินทางที่ตั้ง : โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ให้คำปรึกษาก่อนและหลังการเดินทางไปต่างประเทศ การฉีดวัคซีนป้องกันโรค การป้องกันมาลาเรีย และการรักษา โทร. 0-2354-9100 ต่อ 1420

ที่มา : สุดสัปดาห์