1.12.15

สมุนไพรรักษาสิว จากธรรมชาติ 8 ชนิด คืนหน้าสวยใสไร้สิว

เชื่อว่าปัญหาเรื่องสิว ถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก สมุนไพรรักษาสิว ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยเฉพาะการรักษาสิวด้วยวิธีต่างๆ เพราะปัจจุบันมียารักษาสิวมากมายให้ได้เลือกใช้ แต่ก็ไม่น่าไว้ใจในเรื่องของความปลอดภัยที่จะตามมา เพราะการรักษาสิวบางวิธีอาจก่อให้เกิดอันตรายที่หนักขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง วันนี้เราจึงหยิบนำสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ วิธีการรักษาสิวด้วยสมุนไพรจากธรรมชาติ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย หรือก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามขึ้นมาอีกนั่นเอง ถ้าอยากรู้ว่าสมุนไพรต่างๆ มีวีการรักษาแบบไหน ต้องตามมาอ่านพร้อมๆ กันเลยค่ะ

1.หอมแดงสด
ทราบกันหรือไม่ว่าหอมแดงสด ประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารต่างๆ ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติที่ช่วยยับยั้งเรื่องของเชื้อโรค แบคทีเรีย ซึ่งถือว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเป็นสิวบนใบหน้านั่นเอง สำหรับวิธีการรักษาสิวด้วยหอมแดงสดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่นำหอมแดงสดมาฝานเป็นแว่นบางๆ หรืออาจจะใช้วิธีการทุบแต่เพียงเบาๆ แล้วแตะน้ำที่ซึมออกมาจากหอมแดงสดนำมาทาตรงบริเวณที่เป็นสิวหรือรอยจุดด่างดำ จะทำให้รอยสิวค่อยๆ จางหายไปในไม่ช้านั่นเองค่ะ

2.มะม่วงสุก
เนื่องจากมะม่วงเป็นผลไม้ที่มีกรดอ่อนๆ ซึ่งมีความสามารถช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ดังนั้นจึงสามารถนำมะม่วงมาใช้ในการแก้ปัญหาสิวได้เช่นเดียวกัน เพียงแค่นำมะม่วงสุก 1 ผล นำมายีจนข้นเหลว จากนั้นเติมน้ำมะนาวประมาณครึ่งช้อนโต๊ะ ดินสอพอง 1/4 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา จากนั้นก็ยีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วนำมาปั่น นำส่วนผสมที่ได้มาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดต่อไป

3.ทุเรียน
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยธาตุกำมะถัน ซึ่งมีส่วนช่วยให้เม็ดสิวแห้งเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นไปพร้อมๆ กับการช่วยกระตุ้นให้รูขุมขนผลักสิ่งสกปรกที่มีอยู่ให้ออกมาด้วย สำหรับวิธีการนำทุเรียนมาใช้ในการรักษาสิวสามารถทำได้โดยการนำเนื้อทุเรียนห่ามประมาณ 3-5 ช้อนโต๊ะ หั่นเนื้อทุเรียนให้เป็นชิ้นเล็กๆ นำมาปั่นเข้าด้วยกันกับดินสอพอง 1/4 ช้อนโต๊ะ จนเป็นเนื้อครีมละเอียด แล้วต่อด้วยการล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นนำครีมที่ได้มาพอกให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วค่อยตามด้วยน้ำเย็นเพื่อให้เกิดการกระชับรูขุมขน ทำประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปัญหาสิวเสี้ยนบนใบหน้าค่อยๆ ลดลง แถมยังทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มอีกด้วย

4.ใบบัวบก
ทราบกันหรือไม่ว่าสารสกัดในใบบัวบกนั้น มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบและอาการแพ้ต่างๆ รวมทั้งช่วยในการสมานผิว ป้องกันแผลเป็น และลดการสะสมของแบคทีเรียได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว สำหรับการนำใบบัวบกมารักษาสิวนั้น สามารถทำได้โดยการนำใบบัวบกผงมาผสมกับน้ำสะอาด จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วใบหน้า ทั้งนี้ควรระมัดระวังผิวรอบดวงตา เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง หากกระเด็นเข้าดวงตาได้ วิธีการนี้จะทำให้สิวบนใบหน้าแห้งและหายเร็วขึ้นนั่นเอง

5.ว่านหางจระเข้
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่าว่านหางจระเข้นั้น มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิว อีกทั้งยังช่วยป้องกันฝ้า ลบรอยของจุดด่างดำ รวมทั้งรักษาสิวบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี สำหรับวิธีการนำว่านหางมาใช้ในการรักษาสิวนั้น สามารถทำได้ด้วยการนำวุ้นจากใบสดของว่านหางจระเข้ มาทาบริเวณที่มีสิว ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก  ทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ปัญหาเรื่องสิวจะค่อยๆ หายไปจากใบหน้าได้มากแล้วล่ะค่ะ

6.ขมิ้นชัน
ขมิ้นชัน ถือเป็นสมุนไพรที่ได้รับการยกย่องในเรื่องของการรักษาแผลต่างๆ ในร่างกาย อีกทั้งยังมีส่วนในการทำให้ผิวสวยใสได้เป็นอย่างดี เพราะมันมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เพียงแค่นำ ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา ปูนแดงประมาณครึ่งช้อนชา และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ นำทั้งสามส่วนผสมมาผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาแต้มที่หัวสิว ทิ้งไว้จนกว่าเนื้อครีมจะแห้ง แนะนำให้แต้มทุกเช้า-เย็น จนกว่าหัวสิวจะยุบและหายไปค่ะ

7.ไพล
ไพลเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งนำมาใช้ในการรักษาสิวได้ด้วยการนำไพลมาละลายลงในน้ำสะอาด จากนั้นนำมาทำความสะอาดในบริเวณที่เป็นสิวอักเสบเป็นประจำทุกวัน วิธีนี้ จะช่วยลดอาการอักเสบของสิวบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี

8.เสลดพังพอน
เสลดพังพอนเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งสามารถนำมารักษาสิวบนใบหน้าได้ด้วยการนำน้ำที่สกัดจากเสลดพังพอน มาทาในบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ รับรองได้เลยว่าวิธีนี้จะช่วยลดอาการอักเสบของสิวลงได้อย่างแน่นอน

สาวๆ ที่กำลังมีปัญหาเรื่องของสิวบนใบหน้า จนไม่รู้ว่าจะเลือกใช้วิธีการรักษาอย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยหลังจากการรักษา ขอแนะนำให้ลองหันมาใช้ สมุนไพรรักษาสิว โดยสมุนไพรต่างๆ ที่เราได้นำเสนอกันไปข้างต้นค่ะ เพราะสมุนไพรเหล่านั้น นอกจากจะช่วยในการรักษาสิวได้เป็นอย่างดีแล้ว มันยังไม่ก่อให้เกิดอันตายใดๆ แก่ผิวหน้าอีกด้วยค่ะ


 

เคล็ดลับบำรุงร่างกายและผิวพรรณให้อ่อนเยาว์ด้วยสัปปะรด

สับปะรด เป็นผลไม้สีเหลืองรสหวานที่มีสารอาหารอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น วิตามินบีสอง วิตามินซี  แคลเซียม ฟอสฟอรัส และไนอะซีน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้เป็นสารอาหารที่ร่างกายของเราต้องการ อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณครอบคลุมหลายด้าน ทั้งในเรื่องของความงามและการรักษาโรคอีกด้วย

สัปปะรดกับการรักษาโรค

วิตามินซีที่มีอยู่มากในผลไม้ชนิดนี้จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้แลดูเปล่งปลั่ง และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย อีกทั้งยังมีแคลเซียมที่ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ซึ่งใครที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเหงือกและฟัน เช่น เหงือกร่น เสียวฟันบ่อยๆ ลองกินสัปปะรดเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพในช่องปากของเราได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ สารโบลามีในสัปปะรดยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ย่อยอาหาร บำรุงไต และที่สำคัญก็คือ จะช่วยทำปฏิกิริยาต่อต้านการเพิ่มจำนวณของเซลล์มะเร็งภายในร่างกายได้ด้วย ซึ่งถ้าหากเรานำรากและใบสับปะรดสด ไปต้มกับน้ำและนำมาดื่ม ก็จะใช้ดื่ม ก็จะช่วยขับปัสสาวะ ทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร และระบบลำไส้ได้เป็นอย่างดี

สัปปะรดช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

– วิตามินซีในสัปปะรดจะช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ร่างกายของเราจึงไม่ติดเชื้อได้ง่าย
– เพราะในสับปะรดนั้นมีกากใยอาหารมากมาย จึงเป็นตัวช่วยลดคอเลสเตอรอลและควบคุมระดับน้ำตาลในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีเอนไซม์ตามธรรมชาติที่ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งได้อีกด้วย
– ในสับปะรดจะมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่มีส่วนช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ภายในร่างกาย
– เอนไซม์โบรมีลีนจะช่วยยับยั้งการอักเสบของผิวหนังหรือบาดแผลได้ ซึ่งชาวอเมริกาในสมัยโบราณใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผลด้วย

สัปปะรดกับความงาม
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าในสัปปะรดนั้นมีวิตามินหลายชนิดที่ช่วยให้ผิวพรรณและช่วยในเรื่องของการลดความอ้วนด้วย เรามาดูสรรพคุณของเจ้าสัปปะรดในด้านความงามกันบ้างดีกว่าค่ะ

สัปปะรดช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรง และมือให้นุ่มชุ่มชื่น
สาวๆ คนไหนที่มีปัญหาเล็บเปราะแตกหักง่าย หรือมีปัญหามือแห้งเหี่ยวดูไม่สดใส การกินสัปปะรดจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินอย่างเพียงพอ นอกจากนี้หากเรานำน้ำสัปปะรดมาแช่มือไว้สัก 20 นาที ก็จะช่วยให้มือนุ่มขึ้นได้ค่ะ
-
สัปปะรดกับการลดความอ้วน
เพราะในสัปปะรดนั้นจะมีกากใยอาหารอยู่มากเป็นพิเศษ เมื่อกินเข้าไปแล้วจึงช่วยให้เราอิ่มท้องได้นานขึ้น แถมยังช่วยย่อยสลายไขมันในร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วยล่ะ