30.12.08

คอลลาเจนคืออะไร ?

คอลลาเจนคืออะไร ?

คือโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้เป็นโปรตีนสำคัญ ของผิวหนังในการสร้างความตึง กระชับ คอลลาเจน มีหน้าที่เสมือนโครงสร้างของผิว และทำหน้าที่ให้ผิวเต่งตึงแต่หลังจากอายุ 20 ปีขึ้นไป คอลลาเจน จะเสื่อมสภาพลง ทำให้ผิวมีการยุบตัว เป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย การบำรุงผิวด้วยคอลลาเจนจึงช่วยลดและชะลอริ้วรอย

ที่มา : Lisa

29.12.08

น้ำตาล...จอมวายร้าย

น้ำตาล...จอมวายร้าย

คุณสาว ๆ หลายคนอาจจะคิดว่า “เอ๊ะ.. วันหนึ่งฉันกินน้ำตาลไม่กี่ช้อนเอง ไม่อ้วนหรอก” แต่คุณลืมนึกไปว่า ในแต่ละวันทั้งอาหาร เครื่องดื่ม มีส่วนผสมของน้ำตาลทั้งสิ้น เชื่อไหมคะ..รวม ๆ แล้ววันหนึ่งเราอาจรับประทานน้ำตาลมากกว่า 10 ช้อนชา ด้วยซ้ำ
ทว่า...สาวไทยอย่างพวกเราดูจะนิยมชมชอบอาหารรสชาติหวานกันอยู่ไม่น้อย ทั้งเค้กเอย ไอศกรีมเอย น้ำผลไม้ต่าง ๆ ฯลฯ รวมไปถึงอาหารไทยแทบทุกชนิดต้องมีส่วนผสมของน้ำตาลไม่มากก็น้อย นั่นเพราะเมืองไทยถือเป็นชาติที่มีการปรุงแต่งราชาติอาหารมากที่สุดชาติหนึ่ง และแต่ละครั้งน้ำตาลเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ
ฟังแล้วหลายคนคงนึกท้อ “แบบนี้ฉันจะไม่อ้วนได้ยังไงล่ะ” ซึ่งหากอ้วนขึ้นมาล่ะก็ ปัญหาโรคอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย มีทั้งเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ฯลฯ เนื่องจากน้ำตาลส่วนเกินทั้งหลายจะถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกาย และแปรเปลี่ยนไขมันในที่สุด ซึ่งหากร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณมาก ๆ จะเป็นอันตรายในระยะยาวได้

ที่มา : Lisa

28.12.08

เคล็ดลับเพื่อความอ่อนเยาว์

เคล็ดลับเพื่อความอ่อนเยาว์

ไม่มีใครเป็นหนุ่มสาวไปได้ตลอดกาล แต่คุณสามารถใช้เคล็ดลับง่าย ๆ เหล่านี้ในการหลีกเลี่ยงไม่ได้ตัวเองดูแก่เกินวัยได้
-ผมหน้าม้าปาดไปด้านข้างและเส้นฟมที่ยาวเลยระดับคางลงมาเล็กน้อย ถือเป็นทรงผมที่ลดอายุไปได้หลายปีเลยทีเดียว
-หลีกเลี่ยงลิปสติกโทนสีน้ำตาล เพราะทำให้ฟันดูเหลืองและดูมีอายุ นอกจากนี้ควรใช้ลิปสติกแบบครีมที่ดูชุ่มชื้น ควรหลีกเลี่ยงแบบสีด้านที่ทำให้ปากดูแห้งและแน่นอน...แก่ขึ้น
-ขัดฟันขาว เพราะเมื่อายุมากขึ้นฟักมักจะดูเหลืองจากคราบชา กาแฟ หรือไวน์ การขัดฟันจึงทำให้ดูสดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น
-ยืนตัวตรงเสมอ นอกจากจะทำให้คุณดูผอมลง 5 กิโลกรัม ในเสี้ยววินาทีแล้ว ยังทำให้คุณดูเด็กลง 5 ปีด้วย

ที่มา : Lisa

27.12.08

สูตรความงามจากแป้งข้าวโพด


สูตรความงามจากแป้งข้าวโพด


ถึงเวลาหาผู้ช่วยดูแลความงามจากของในครัวกันอีกแล้ว แป้งข้าวโพดที่เป็นส่วนผสมของอาหารอร่อยหลากหลายชนิด เป็นผู้ช่วยมือทองในการดูแลความงามเช่นกัน ทดลองใช้สูตรความงามเหล่านี้ดู
-ทำความสะอาดผิว เพราะลักษณะที่ค่อนข้างหยาบเล็กน้อยของแป้งข้าวโพดทำให้ช่วยขัดลอกเซลล์ผิวได้ดี ลองใช้สูตรนี้ในการทำงความสะอาดผิวและขัดลอกเซลล์ผิวให้เรียบลื่น นั่นก็คือ ผสมแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ กลีเซอรีน 1 ช้อนโต๊ะ รัม ¼ ถึง 1 ช้อนชา และ น้ำมันหอมระเหย 2 -3 หยดเข้าด้วยกัน นวดลงบนใบหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
-ดูดซับความมัน ผสมแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ กับดินขาว แล้วทาลงบนผิวส่วนที่มัน
-ดับกลิ่นกลาย ผสมแป้งข้าวโพดกับผมลาเวนเดอร์ แล้วใช้ทาใต้วงแขนเพื่อช่วยดูดซับความชื้นและให้กลิ่นกายสดชื่น

ที่มา : Lisa

26.12.08

บัญญัติ 5 ประการของการคบเพื่อนในที่ทำงาน

บัญญัติ 5 ประการของการคบเพื่อนในที่ทำงาน

1. จงเลือกกลุ่มเพื่อนให้เหมาะสม ดูจะปลอดภัยกว่าที่จะเป็นเพื่อนซี้กับคนจากแผนกอื่น ในขณะที่คบกับเพื่อนร่วมแผนกแบบห่าง ๆ เพราะเพื่อนที่นั่งอยู่ติดกันอาจเล็งตำแหน่งเดียวกันกับคุณก็ได้ เพราะมิตรภาพต้องจืดจาง คุณก็จะต้องกระอักกระอ่วนใจไปด้วย
2. จงอย่าคาดว่าทุกคนอยากเป็นเพื่อนไปซะหมด เป็นการดีที่ส่งการ์ดวันเกิดให้เพื่อนร่วมงานเพื่อสร้างความสนิทสนม แต่อย่าคาดว่าจะต้องได้รับการตอบแทนกลับมา เพราะคนอื่นอาจมองว่าเป็นความสัมพันธุ์ในเชิงธุรกิจเท่านั้น
3. จงนินทาอย่างชาญฉลาด การแลกเปลี่ยนเรื่องกันอาจสร้างความสนิทสนม แต่คุณต้องไม่ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างการเมาท์แบบสนุก ๆ กับการนินทาว่าร้ายเด็ดขาดเชียว
4. จงอย่าช่วยคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน บ่อยครั้งที่เพื่อนร่วมงานขอความช่วยเหลือ ก็โอ.เค. อยู่หรอกถ้างานนั้นสำคัญสำหรับบริษัท หรือถ้าคุณมีเวลาพอ แต่การช่วยเพื่อนร่วมงานต้องไม่ทำให้คุณเดือดร้อน เพราะเพื่อนแท้ต้องไม่ขอความช่วยเหลือจากคุณโดยที่รู้ว่ามันจะทำร้ายคุณได้
5. จงมีชีวิตนอกที่ทำงานด้วย เพื่อนร่วมงานไม่ควรเป็นเพื่อนสนิทเพียงกลุ่มเดียวของคุณ และเวลาสังสรรค์กับเพื่อนสนิทจากที่ทำงานนอกเวลางาน พยายามคุยกันเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน และควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงความสนุกที่คุณมีด้วยกันในช่วงสุดสัปดาห์เวลาอยู่ที่ทำงานเพราะจะทำให้คนอื่นรู้สึกเหินห่าง

ที่มา : Lisa

25.12.08

คบเพื่อนอย่างไรให้งานรุ่ง

คบเพื่อนอย่างไรให้งานรุ่ง

การสร้างมิตรภาพในที่ทำงาน อาจเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากในการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน เมื่อคุณสามารถปรับทุกข์เรื่องงานกับเพื่อนร่วมงานได้ หรือไปดื่มฉลองความสำเร็จของบริษัทด้วยกันได้ นอกจากนี้คนเหล่านี้คือ คนที่คุณต้องเจอหน้ากันวันแล้ววันเล่า การสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันจึงจำเป็นอย่างยิ่ง

ดร. แจน ยาเกอร์ ผู้เขียนหนังสือ เรื่อง Friendshifts : The Power of Friendship and How it Shapes Our Lives มิตรภาพในที่ทำงานนั้นมีผลกระทบอันใหญ่หลวงต่ออาชีพการงานของคุณ เพื่อนในที่ทำงานสามารถให้ข่าววงในของบริษัทแก่คุณ หรือให้ฟิดแบ็กในเรื่องการทำงานของคุณ และทำให้การทำงานสนุกขึ้น อย่างไรก็ตามมิตรภาพในที่ทำงานก็ทำให้บางอย่างผิดเพี้ยนไปได้ เช่น อาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือเรื่องงานในแบบที่ไม่เหมาะสม และอาจเกิดความลำเอียง ดังนั้น ประเด็นที่ว่าควรจะลงทุนสร้างสานมิตรภาพอันแนบแน่นในที่ทำงานหรือไม่ ดูจะลึกซึ้งกว่าการคบเพื่อนสักคนนอกที่ทำงานซะอีก

เพื่อนกันสำคัญอย่างไร
มิตรภาพในที่ทำงานมีพื้นฐานแตกต่างไปจากมิตรภาพอื่น ๆ หรือเปล่า? บางอย่างก็แตกต่าง ผู้เชี่ยวชาญบอกเช่นนั้นการทำงานให้ความมั่นคงทางการเงิน ถ้าถูกบังคับให้เลือกระหว่างแหล่งที่มาของรายได้และมิตรภาพ คนส่วนใหญ่จะเลือกงาน การเลือกจะคบหากับใครเป็นพิเศษก็เสี่ยงกว่า เพราะกลุ่มเพื่อนที่ดีสามารถสร้างผลกระทบทางบวกต่องานของคุณได้ แต่ถ้าเข้ากลุ่มผิด คุณก็อาจถูกไล่ออกได้เหมือนกัน

มิตรภาพในกลุ่มเพื่อนที่ดีสามารถสร้างผลกระทบแง่บวกต่องานของคุณ

แต่การมีเพื่อนที่ดีก็ไม่ได้ หมายถึง การเป็นเพื่อนกับเจ้านาย มีคำถามอยู่ว่าเจ้านายกับผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถเป็นเพื่อนกันได้มั้ย หรือควรเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า ? ความจริงก็คือ มิตรภาพระหว่างคนในระดับเดียวกันรักษาไว้ง่ายกว่า เพราะอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ถ้า เพื่อนฝ่ายหนึ่งต้องประเมินผลงานของเพื่อนอีกฝ่ายหนึ่ง นอกจากนี้ ถ้าคุณพยายามจะเป็นเพื่อนกับเจ้านาย เพื่อนร่วมงานคนอื่นก็จะกังขาว่าคุณต้องการอะไร หรือ ถ้าเจ้านายเป็นเพื่อนกับคุณเขาก็อาจถูกกล่าวหาว่าลำเอียงได้
เมื่อมิตรภาพพาลขม
มิตรภาพในที่ทำงานเป็นสิ่งดี แต่มันก็อาจสิ้นสุดลงได้อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณออกจากแผนกนั้น หรือย้ายตำแหน่งงาน เมื่อสถานการณ์ที่เคยนำพาคุณสองคนเข้ามาสนิทกันได้หมดไปแล้ว และก็เช่นเดียวกันกับมิตรภาพด้วย
แต่ถึงแม้ฝ่ายหนึ่งจะเปลี่ยนงานไปแล้ว มิตรภาพก็ยังอาจดำรงอยู่ได้ ถ้าคุณสองคนมีค่านิยมที่เหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะช่วยจุดประกายมิตรภาพ แต่ต้องมีการสานสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง มิตรภาพจึงจะอยู่ต่อไปได้ แต่บ่อยครั้งที่คนเรามักไม่ค่อยอยากเปิดเผยกับเพื่อนร่วมงานมาก เกินไปโดยไม่รู้ตัว สายสัมพันธ์ในระดับลึกซึ้งจึงอาจสร้างได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าคนสองคนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ในขณะที่ทำงานด้วยกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งก้าวต่อไปยังที่อื่น พวกเขาก็จะยิ่งสามารถสร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้งได้มากยิ่งขึ้น เมื่อไม่รู้สึกว่ามีปัจจัยใด ๆ ในที่ทำงานมาคอยยับยั้งอีกต่อไป

ที่มา : Lisa

24.12.08

ผู้หญิงเป็นโรคปวดหัวมากกว่าผู้ชาย

ผู้หญิงเป็นโรคปวดหัวมากกว่าผู้ชาย

ทีมนักวิจัยจาก คิงส์ คอลเลจ ของลอนดอน ศึกษาคำแนะนำและข้ออ้างอิงของผู้เชี่ยวชาญระหว่างปี 1991 – 2000 ในโรงพยาบาล 253 แห่ง ทั่วอังกฤษ ได้ผลมาว่า 6.4% ของคำปรึกษาของผู้หญิงเกี่ยวข้องกับอาการปวดหัว ขณะที่ผู้ชายเพียง 2.5% ที่มาปรึกษาเรื่องนี้ และผู้หญิงทุกวัยมีแนวโน้มในการปวดหัวมากกว่าผู้ชาย ดร.มาร์ติน กิลฟอร์ด จากแผนกสุขอนามัยและสังคม คิงส์ คอลเลจ กล่าวว่า สาเหตุการเกิดอาการปวดหัวระหว่างชางกับหญิงแตกต่างกันชัดเจน ซึ่งในหญิงวัยกลางคนมักปวดหัวมากกว่าวัยอื่น เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความเครียด การมีอิริยาบถในทาที่ไม่ถูกต้อง เจอแสงแดดจัด ๆ และอาหาร เป็นต้น

ที่มา : Lisa

23.12.08

อยากมีลูกต้องเพิ่มกรดโฟลิก

อยากมีลูกต้องเพิ่มกรดโฟลิก

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยบอนน์ในประเทศเยอรมนีพบว่า สารที่ทำให้สตรีตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้นก็คือ กรดโฟลิก ซึ่งควรกินให้มากกว่าปกติ คือ จาก 400 ไมโครกรัมต่อวัน เป็น 800 ไมโครกรัมต่อวัน ในช่วงก่อนไข่ตกและระหว่างการตั้งครรภ์แรก ๆ เพราะกรดโฟลิกเป็นหัวใจสสำคัญในการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนเซลล์ให้มากขึ้น และยังช่วยพัฒนาประสาทและสมองของทารกในครรภ์ด้วย สำหรับอาหารที่มีกรดโฟลิก เช่น ผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง ไข่แดง เห็ด ตับ และขนมปังโฮตวีต
v ถ้าอยากตั้งครรถ์ได้ง่ายขึ้นต้องกินอาหารที่มีโฟลิกสูง

ที่มา : Lisa

22.12.08

แตงกวาช่วยลดน้ำตาลในเลือด

แตงกวาช่วยลดน้ำตาลในเลือด

แตงกวาลูกเล็กสีเขียวอมขาว มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหลือหลาย เพราะมีวิตามิน A B และ C รวมทั้งสารที่คล้ายอินซูลินซึ่งจะช่วยลดน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ในแตงกวายังมีแคลอรี่ต่ำมาก ทั้งยังช่วยขจัดสารพิษ จึงไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะแต่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเท่านั้น แต่ยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพโดยทั่ว ๆ ไปอีกด้วย
ข้อแนะนำ ปอกเปลือกแตงกวา ปั่นเอาแต่น้ำผสมกับน้ำมะนาวและใส่น้ำแข็งลงไป ดื่มแล้วเย็นชื่นในดี

ที่มา : Lisa

21.12.08

สังกะสีที่รัก

สังกะสีที่รัก

ถ้าคุณกินธาตุสังกะสีเป็นอาหารเสริมเพื่อป้องกันโรคหวัดในฤดูหนาวหรือเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง ก็ควรเข้มงวดกับปริมาณยาที่รับประทานเข้าไปด้วย ทางที่ดีควรเลือกรับประทานอาหารที่มีธาตุสังกะสีจะดีกว่า เพราะจากการศึกษาวิจัยชาวอเมริกันและชาวยุโรปพบว่า คนเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของอาการตาบอดในหมู่คนอเมริกันอายุ 60 ปีขึ้นไป พวกเขามีธาตุสังกะสีอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยังไม่ได้สรุปชัดเจนว่าปัญหาเกิดจากการรับประทานอาหารเสริมธาตุสังกะสีหรือเปล่า ทางที่ดีก็ควรรับประทานอาหารเสริมนี้ในปริมาณพอดี ๆ อย่างไรก็ตามมากระตุ้นสุขภาพดีด้วยอาหารอุดมธาตุสังกะสี อย่าง หอยนางรม เนื้อวัว เนื้อหมู และถั่วบราซิล รับประทานสัก 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และอย่าลืมออกกำลังกายด้วยล่ะ

ที่มา : Slimming

20.12.08

เดินสบายไม่ปวดเข่า

เดินสบายไม่ปวดเข่า

วิตามินซีสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้คุณได้ เมื่อเร็ว ๆ นี้นักวิทยาศาสตร์ออกเตรเลียได้ค้นพบว่าแอนตี้ออกซิแดนท์ที่มีอยู่ในพริกหวาน ผลกีวี มะเขือเทศ และ ส้ม พืชเหล่านี้ช่วยป้องกันโรคข้อเข่าอักเสบ นักวิจัยได้ศึกษาจากประชาชนวัยกลางคน 293 คน พบว่าเป็นผู้ที่ไม่มีอาการปวดเข่า สิบปีหลังจากนั้นเมื่อตรวจหัวเขาด้วยเครื่อง MRI จึงพบว่าพวกเขากินวิตามินซีช่วยลดความเสื่อมของเข่าและลดอาการเจ็บปวดจากกระดูกข้อเข่าเสื่อม นักวิจัยพบว่าแอนตี้อ๊อกซิเแดน์อื่น รวมถึง ลูทีน (Lutein คือ สารสีเหลืองที่ ช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสีหรือแสงสีของเรตินาดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนแก่มองไม่เห็น) ซีแซนทิน (พบในพืชสีเขียว เช่น ผักขม) ที่ช่วยป้องกันความเสื่อมลงของร่างกายเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับอาหารเสื่อมและสึกหรอของอวัยวะในร่างกาย

ที่มา : Slimming

19.12.08

องุ่นเป็นซันบล็อคของใหม่

องุ่นเป็นซันบล็อคของใหม่

มะเร็งผิวหนังไม่ได้หยุดแค่การโปะยากันแดดเท่านั้น สิ่งที่คุณกินเข้าไปมีช่วยป้องกันตามธรรมชาติด้วย นักคันคว้าจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน พบว่าอาหารธรรมดามีเครื่องปรุงที่ทำหน้าที่กันแดด และลดความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง อาหารมีแอนตี้ออกซิแดนท์เพียบสามารถกระตุ้นความสามารถในการต่อสู้อนุมูลอิสระสารเคมีอันตรายที่กระจายโดยแสงยูวี ดังนั้นก่อนไปชายหาดให้กินแอนตี้ออกซิแดนท์เพียบเข้าไว้เป็นดี

แอปริคอต มีเบต้าแคโรทีนสูงซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยดูดซึมอนูมูลอิสระที่รังสียูวีแพร่กระจาย
ทับทิม มีตัวแอนตี้ออกซิแดนท์ฝาดฟันมะเร็งมากกว่าผลไม้อื่นการศึกษาล่าสุดพบว่ากระตุ้นเอสพีเอฟในตัวได้ถึง 23%
เมล็ดทานตะวัน เต็มไปด้วยแร่ธาตุทองแดงที่ร่างกายใช้เพื่อสร้างเมลานินอันเป็นพิกเมนท์ช่วยป้องกันการทำอันตรายจากยูวี
ขนมปังไรย์ มีกรดเฟรูลิค(ferulic) เพียบซึ่งเป็นส่วนผสมป้องกันต้นไม้จากแสงแดดและมีผลอันเดียวกันกับมนุษย์ด้วย

ที่มา : Slimming

18.12.08

What’s Cellulite…?

What’s Cellulite…?

เซลลูไลต์เป็นไขมันธรรมดาซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนพบมากบริเวณต้นขา สะโพก ต้นแขนและหน้าท้อง มักสะสมอยู่ภายในเนื้อเยื่อร่างกายอันเนื่องจากลักษณะการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง กินอาหารที่ผ่านกรรมวิธีแปรรูปซับซ้อน หรือกินผักผลไม้สดน้อยเกินไป ผลคือเกิดเป็นก้อนขรุขระที่มีน้ำไขมันและของเสียคั่งอยู่ทำให้ผิวหนังมีลักษณะเป็นรอยบุ๋มเหมือนผิวเปลือกส้ม หากเป็นอย่างนี้แล้วสาว ๆ ทั้งหลายอย่ายอมให้เจ้าศัตรูตัวร้ายนี้มาเป็นอุปสรรคกับตัวเองซะล่ะ มาหาวิธีป้องกันและกำจัดมันซะตั้งแต่ตอนนี้กันเลยดีกว่า อ้อ...แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองมีเซลลูไลต์หรือไม่ ให้ลองบีบผิวหนังที่ต้นขาอ่อนดู ถ้าปรากฏรอยขรุขระขึ้นมาเหมือนผิวเปลือกส้มล่ะก็...แสดงว่ามันมาแล้ว

ที่มา : Slimming

17.12.08

Amazing Aloe

Amazing Aloe

อโลเวร่า หรือ ว่านหางจระเข้ที่รู้จักกันดีทั่วโลกมาแต่โบราณ ในเรื่องคุณสมบัติการเยียวยาผิว ส่วนของต้นที่ถูกนำมาใช้คือ ใบ ซึ่งมีอัลลันโทลิน (Allantoin) อันทำให้มันมีคุณสมบัติในการเยียวยารักษา ว่านหางจระเข้ยังมีแอนตี้ออกซิแดนท์ตามธรรมชาติ ในรูปของวิตามินบี คอมเพล็กซ์ วิตามินซี และ วิตามินอี รวมทั้งเบต้าแคโรทีนที่จะถูกร่างกายเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่ผิวต้องการ
ว่านหางจระเข้ไม่เพียงแต่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลความงามมากมาย มันยังสามารถนำมาใช้ทาลงบนผิวโดยตรง เพื่อรักษารอยมีดบาด รอยไหม้แดด หรืออาการผื่นคันบนผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย แต่ถ้าจะใช้ว่านหางจระเข้สด ๆ จำไว้ว่าให้ใช้แต่เพียงเจลใสข้างใจ ซึ่งจะคงคุณภาพดีอยู่ได้ไม่เกินสี่ชั่วโมงหลังจากผ่าออกมา ดังนั้น จึงต้องใช้ให้หมดโดยเร็ว

ที่มา : Lisa

16.12.08

ตาเซ็กซี่แบบมีเทคนิค

ตาเซ็กซี่แบบมีเทคนิค

การแต่งสีดวงตาให้ดูเลอะเลือนนิด ๆ เหมือนเพิ่งตื่นนอน ช่วยเพิ่มความเซ็กซี่ให้ดวงตา แต่ถ้าแต่งไม่ดีอาจดูเหมือนคุณเพิ่งไปต่อยกับ ไมค์ ไทสัน มาหยก ๆ ก็ได้ วิธีง่าย ๆ ในการเป็นเจ้าของดวงตาเซ็กซี่แบบนี้ก็คือ ใช้ดินสอเขียนขอบตาดำเนื้อนุ่ม ๆ เขียนเส้นที่ขอบด้านในของขอบตาล่าง หลับตา แล้วใช้ปลายนิ้ววนเป็นวงกลมไปตามแนวขอบตาเหมือนคุณกำลังขยี้ตาที่กำลังคัน ทำจนกระทั่งเส้นขอบตาที่เขียนไว้ดูเป็นเส้นฟุ้ง ๆ เลือน ๆ แล้วใช้คอตตอนบัดทำความสะอาดรอยเลอะที่มากจนเกินงาม ท้ายสุดแต้มวาสลีนเล็กน้อยทับลงที่เส้นขอบตา มันจะทำให้ดวงตาดูเย้ายวนใจยิ่งขึ้น

ที่มา : Lisa

15.12.08

2 ขั้นตอนสำคัญก่อนทาเล็บ

2 ขั้นตอนสำคัญก่อนทาเล็บ

ก่อนทาเล็บ เช็ดเล็บด้วยน้ำยาล้างเล็บเสียก่อน คุณต้องการพื้นผิวที่ปราศจากน้ำมันเพื่อให้ยาทาเล็บติดทน ยาล้างเล็บมีส่วนผสมของอะซีโทน ซึ่งช่วยกำจัดน้ำมันตามธรรมชาติที่ทำให้เล็บมีความยืดหยุ่น หรืออาจเปลี่ยนไปใช้ยาล้างเล็บแบบไม่มีอะซีโทน ซึ่งมีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อเล็บมากกว่าก็ได้ แค่รู้ไว้ว่ายาล้างเล็บแบบไม่มีอะซีโทนจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าในการกำจัดสีทาเล็บ คุณจึงต้องเช็ดแรงขึ้นอีกนิดเวลาล้างสีเล็บ หลังจากนั้นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ การทาน้ำยารองพื้น มันจะทำให้ยาทาเล็บติดทนนานขึ้น และยังเป็นปราการป้องกันไม่ให้เล็บเหลืองในามทาสีเล็บเฉดเข้ม ๆ อีกด้วย ทาน้ำยารองพื้นเป็นชั้นเดียวบาง ๆ ถ้าทาหนาเกินไปมันจะทำให้สีทาเล็บเลอะออกมานอกขอบเล็บ และทำให้สีแห้งช้าลงไปอีก

ที่มา : Lisa

14.12.08

ใครอยากผมยาวเร็วฟังทางนี้

ใครอยากผมยาวเร็วฟังทางนี้

เลิกนั่งกลุ้มกับการตัดผมที่ผิดพลาดแล้วหันมาเลี้ยงผมให้ยาว ๆ แบบสบายใจกันดีกว่า

เริ่มแรกคุณต้องรู้ก่อนว่าผมของคนเราจะมีความยาวโดยเฉลี่ยปีละ 6 นิ้ว และจะยาวเร็วมากในช่วงหน้าร้อน ดังนั้นถ้าต้องการเร่งให้ผมยาวเร็วขึ้นให้ใช้วิธีเล็มปลายผมทุก ๆ 2 เดือน และสระผมบ่อย ๆ ในช่วงหน้าร้อน จะช่วยรักษาปลายผมของคุณให้มีสุขภาพดีไม่แห้งแตกปลาย แถมยังได้ผมยาว 6 นิ้ว ก่อนครบปีอีกด้วย แต่ถ้าตอนนี้คุณรู้สึกว่าไว้ผมสั้นแล้วไม่มั่นใจให้ลองหัดเซตผมด้วยผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมรวมกับเทคนิคการไดร์ผมหรือหนีบผมแบบต่าง ๆ ดู บางทีคุณอาจจะได้ทรงผมที่ถูกใจอีกสักหลาย ๆ ทรงก็ได้

ที่มา : Slimming

13.12.08

เคล็ดลับผมเงางามด้วยดอกอัญชัน

เคล็ดลับผมเงางามด้วยดอกอัญชัน

-ช่วงไหนที่รู้สึกว่าผมขาดความเงางาม ลองหมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าว 5 ช้อนโต๊ะ น้ำจากดอกอัญชันประมาณ 8 – 10 ดอก และไข่แดง 1 ฟอง ชโลมทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ผมคุณจะเงางามอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ อ้อ สูตรนี้สงวนสิทธิ์สำหรับสาวผมดำเท่านั้นนะคะ
- สาว ๆ คนไทยที่ต้องการย้อนผมเอง ต้องระวังน้ำยาเลอะติดผิวสวยด้วยนะคะ โดยเฉพาะบริเวณต้นคอ ใบหู และผิวบริเวณไรผม ให้ป้องกันปัญหานี้ได้ด้วยการทาวาสลีนหรือยาสีฟันไว้บริเวณผิวส่วนนี้ค่ะ
v รักษาความสะอาดให้เส้นผมแล้วก็อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดหวีของเราด้วยนะคะ ควรล้างหวีอย่างน้อย 2 สัปดาห์ / ครั้ง ด้วยน้ำสบู่หรือแชมพูอ่อน ๆ และ ใช้แปรงสีฟันแปรงคราบฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนหวีให้หมดจด ซับด้วยผ้าขนหนูแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง แค่นี้หวีของคุณก็น่าใช้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ

ที่มา : Spicy

12.12.08

ธาตุเหล็กพลาดไม่ได้

Lron always
ธาตุเหล็กพลาดไม่ได้
คืออะไร
เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ได้จากอาหาร 2 แบบ คือจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว ปลาและสัตว์ปีก และจากพืช คือจากผลไม้และผัก ดังนั้นชาวมังสวิรัติมีโอกาสเป็นโรคโลหิตจาง เนื่องจากขาดธาตุเหล็กจากสัตว์ แต่วิตามินซีจะช่วยเพิ่มการดูดซึมได้ ดังน้นการดื่มน้ำส้มวันละแก้วในมื้ออาหารอาจช่วยได้ แหล่งธาตุเหล็กทีดีคือ เนื้อไม่ติดมัน ปลาซาร์ดีน ผักใบเขียวเข้ม เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ หอยนางรม ถั่ว จมูกข้าว


ทำไมถึงต้องการ
ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินซึ่งนำออกซิเจนเข้าไปในเซลล์เม็ดโลหิตแดงทั่วร่างกาย ธาตุเหล็กยังเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิดที่ช่วยเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนให้เป็นวิตามินเอธาตุเหล็กยังนำไปใช้ผลิตคอลลาเจนซึ่ง ทำให้เหงือก ฟัน และกระดูกแข็งแรง อีกทั้งเพิ่มความต้านทานต่อโรคภัย และเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพผมและเล็บอันดี
ถ้าขาดธาตุเหล็กร่างกายจะผลิตฮีโมโกลบินไม่ได้ และมีอาการหายใจเหนื่อยหอบเนื่องจากหัวใจบีบตัว เนื่องจากหัวใจบีบตัวเร็วและปอดพยายามนำออกซิเจนสู่ร่างกายมากขึ้นทำให้เหนื่อยง่ายไม่มีแรง และตัวซีดหน้ามืด อาจติดเชื้อเรื้อรังในช่องหู เหงือกและผิวหนัง ทำให้ผมร่วงได้ ภาวะขาดธาตุเหล็ก คือ โรคโลหิตจางเป็นโรคที่พบบ่อยในสตรีซึ่งไม่ด้รับธาตุเหล็กในปริมาณประจำวันที่กำหนดไว้

ต้องกินประมาณเท่าไร

ปริมาณที่ควรได้รับต่อวันสำหรับสตรีวัยเจริญพันธุ์ คือวันละ 14 มิลลิกรัม ซึ่งได้รับจากการกินถั่วอบในกระป๋อง 200 กรัมโปะขนมปังโฮลวีตเป็นอาหารเช้า รวมทั้งเนื้อไก่ 75 กรัม ในสลัดหรือแซนด์วิชเป็นอาหารกลางวัน กินตับ เนื้อ 75 กรัม เป็นอาหารค่ำ และกินเมล็ดฟักทอง 1 กำ ของขบเคี้ยวตลอดวัน สตรีหลังคลอดควรได้รับธาตุเหล็กวันละ 8.6 มิลลิกรัม

ที่มา : ชีวจิต

10.12.08

5 สมุนไพรบำรุงกระดูกเพื่อผู้สูงอายุ

5 สมุนไพรบำรุงกระดูกเพื่อผู้สูงอายุ

วัยสูงอายุเป็นวัยที่ร่างกายเสื่อมโทรมในหลายด้าน โดยเฉพาะภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากเซลล์ของกระดูกมีการสลายมากกว่าการสร้าง จึงทำให้กระดูกหักได้ง่าย
ในการป้องกันภาวะนี้สำหรับผู้สูงอายุ นอกจากยาแผนปัจจุบันซึ่งต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นจำนวนเงินมากมายแล้ว สมุนไพรไทย ๆ ยังสามารถใช้ทดแทนได้ดีและใช้กัน
1. ยอ ใบยอมีแคลเซียมสูง (469 – 841 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) ใบใช้ประกอบอาหาร เช่น ห่อหมก แกงอ่อม นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยา เช่น ใบอ่อนใช้เป็นยาลดความร้อนในร่างกาย แก้ไข บำรุงธาตุ แก้ท้องร่วงในเด็ก แก้เหงือกบวม และปวดข้อ
2. ช้าพลูหรือชะพลู ใบช้าพลูนิยมใช้เป็นผักรับประทานกับเมี่ยงคำ ส้มตำ ข้าวยำ และใช้ทำแกงเลียง ใบประกอบด้วยแคลเซียมในปริมาณสูง (601 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) และยังพบธาตุฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามินต่าง ๆ
3. มะขาม ฝักมะขามอ่อนมีแคลเซียมสูง (429 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) ทางด้านอาหารใช้ยอดปรุงแกง ดอกใช้ยำ ส่วนฝักอ่อนใช้ตำน้ำพริก เนื้อในผักแก่รับประทานเป็นผลไม้หรือใช้ปรุงแต่งรสเปรี้ยวให้อาหาร นอกจากนี้มะขามเปียกยังใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ไอและขับปัสสาวะ
4. แค ยอดแคมีแคลเซียมสูง (395 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) นิยมนำมาลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก ใช้รับประทานแก้ไข้หัวลม (ใช้ที่เกิดขึ้นเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง) ส่วนดอกแคยังนิยมใช้ปรุงอาหาร เช่น แกงส้ม และใช้ลวกเป็นผักจิ้ม
5. ผักกระเฉด ใบและลำต้นที่แกะนวมออกแล้วใช้ปรุงเป็นอาหาร เช่น แกงส้ม

ที่มา : ชีวจิต




หอมจับมือกระเทียมปราบมะเร็ง

คงได้ยินกันมานักต่อนักแล้วใช่ไหมคะว่า การกินผักผลไม้ช่วยป้องกันโรคนั้นโรคนี้ได้ เอาเป้นว่าคราวนี้เป็นตาของหอมกับกระเทียมจับมือกันเป็นพระเอกนางเอกบ้างแล้วกันค่ะ
ดร.คาร์ลอทเท กาลีโอเน จากสถาบันวิจัยเภสัชกรรมมารีโอ เนกรี เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี พบว่า คนสูงอายุที่กินหอมและกระเทียมเป็นประจำมีความเสี่ยงต่อมะเร็งหลายชนิดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้กินหอมและกระเทียม ซึ่งสันนิษฐานได้ว่า สารประกอบกำมะถันในกระเทียมและสารพฤกษเคมี (ฟลาโวนอยด์) ในหัวหอมน่าจะมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็ง
คนสูงอายุที่กินหัวหอมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 7 หน่วยบริโภค (1 หน่วยบริโภคประมาณ 240 มิลลิลิตร หรือประมาณ 1 ทัพพี) มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง เช่น มะเร็งช่องปาก มะเร็งไต มะเร็งรังไข่ ฯลฯ ลดลงมากกว่าครึ่ง
ส่วนคนสูงอายุที่กินกระเทียมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 7 หน่วยบริโภค มีความเสี่ยงต่อมะเร็งต่าง ๆ ลดลงมากกว่า 1 ใน 4
นอกจากนี้จะกินหอมและกระเทียมแล้ว อย่าลืมกินผักและผลไม้อย่างอื่นให้หลากหลายด้วนนะคะ จะได้ช่วยป้องกันสารพัดโรคที่รอเล่นงานยามร่างกายอ่อนแอด้วยค่ะ

ที่มา : ชีวจิต

9.12.08

หอมจับมือกระเทียมปราบมะเร็ง

หอมจับมือกระเทียมปราบมะเร็ง

คงได้ยินกันมานักต่อนักแล้วใช่ไหมคะว่า การกินผักผลไม้ช่วยป้องกันโรคนั้นโรคนี้ได้ เอาเป้นว่าคราวนี้เป็นตาของหอมกับกระเทียมจับมือกันเป็นพระเอกนางเอกบ้างแล้วกันค่ะ
ดร.คาร์ลอทเท กาลีโอเน จากสถาบันวิจัยเภสัชกรรมมารีโอ เนกรี เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี พบว่า คนสูงอายุที่กินหอมและกระเทียมเป็นประจำมีความเสี่ยงต่อมะเร็งหลายชนิดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้กินหอมและกระเทียม ซึ่งสันนิษฐานได้ว่า สารประกอบกำมะถันในกระเทียมและสารพฤกษเคมี (ฟลาโวนอยด์) ในหัวหอมน่าจะมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็ง
คนสูงอายุที่กินหัวหอมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 7 หน่วยบริโภค (1 หน่วยบริโภคประมาณ 240 มิลลิลิตร หรือประมาณ 1 ทัพพี) มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง เช่น มะเร็งช่องปาก มะเร็งไต มะเร็งรังไข่ ฯลฯ ลดลงมากกว่าครึ่ง
ส่วนคนสูงอายุที่กินกระเทียมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 7 หน่วยบริโภค มีความเสี่ยงต่อมะเร็งต่าง ๆ ลดลงมากกว่า 1 ใน 4
นอกจากนี้จะกินหอมและกระเทียมแล้ว อย่าลืมกินผักและผลไม้อย่างอื่นให้หลากหลายด้วนนะคะ จะได้ช่วยป้องกันสารพัดโรคที่รอเล่นงานยามร่างกายอ่อนแอด้วยค่ะ

ที่มา : ชีวจิต

8.12.08

ตะไคร้แก้ปวดหลัง

ตะไคร้แก้ปวดหลัง

อาหารการกินที่ถูกต้องและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นการสร้างต้นทุนทางสุขภาพในระยะยาว
แต่หากขาดการดูแลก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ อาการปวดหลังก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่ฟ้องให้เห็นว่านอกจากความเสื่อมตามวัยแล้วอาจเกิดจากการขาดการปฏิบัติตัวในเรื่องสุขภาพอย่างเคร่งครัดมาตั้งแต่ก่อนเข้าวัยสูงอายุ

การออกกำลังกายที่เหมาะสมก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ นอกจากนี้เรายังสามารถใช้สมุนไพรไทยบางชนิดเป็นตัวช่วยแก้อาการนี้ได้เช่นกัน
อย่างตะไคร้กลิ่นหอมที่เรานำมาปรุงอาหารก็มีสรรพคุณช่วยคลายเส้นเอ็น แก้ปวดเมื่อย แก้ฟกช้ำ กระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต และแก้อาการบวมได้ ตะไคร้เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่คนโบราณใช้แก้อาการปวดหลังอย่างแพร่หลาย เช่น ใช้ในการทำลูกประคบ
สำหรับวันนี้ท่านไหนกำลังมีอาการอยู่ เรามีสูตรชาตระไคร้มาให้ลองชงดื่มดูค่ะ
1. เลือกใช้ส่วนหัวของตะไคร้ ตัดใบออก นำมาล้างให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปตากแดดให้แห้ง
2. นำมาคั่วพอให้หอม
3. ชงเป็นชา โดยใช้ตะไคร้แห้งสัก 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในกาน้ำชาเติมน้ำร้อนลงไป 1 ถ้วย ทิ้งไว้สัก 5 นาที จากนั้นรินน้ำดื่มเหมือนกับน้ำชา
หากใช้วิธีต้มให้เพิ่มปริมาณตะไคร้และปริมาณน้ำตามสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : ชีวจิต

6.12.08

แตงกวาสำหรับสาวตาบวม

แตงกวาสำหรับสาวตาบวม

เคยได้ยินกันมานานแล้วใช่ไหมคะ ว่าคนนิยมอาแตงกวาฝานมาพอกหน้า ทั้งนี้ก็เพราะแตงกวามีสารที่ช่วยยับยั้งการอักเสบและช่วยลดอาการบวมแดงของดวงตาได้ ให้สาว ๆ ฝานแตงกวาที่ล้างสะอาดแล้วออกบาง ๆ นำมาวางไว้บนเปลือกตา นอกจากนี้ยังสามารถเอาแตงกวาฝานที่เหลือมาแปะไว้บนใบหน้าได้ด้วยล่ะวางทิ้งไว้สัก 15 นาที เปิดเพลงฟังไปพลาง ๆ หลังจากนั้นให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า และทา มอยเจอร์ไรส์เซอร์ เพื่อการบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้นด้วยค่ะ

ที่มา : Spicy

4.12.08

สวนครัวแก้กรน

สวนครัวแก้กรน
การนอนกรนเกิดจากระบบหายใจขาดความชุ่มชื้น และกล้ามเนื้อคอไม่แข็งแรง ทำให้ระบบการหายใจไม่ดี เวลานอนคงมีเสียงน่ารำคาญออกมาจนพลอยทำให้คนข้าง ๆ นอนฝันไปด้วย ใครที่นอนกรนให้ลองเดินเข้าไปดูในสวนว่ามีพืชผักสวนครัวพวกนี้หรือเปล่า.. ถ้ามีอย่ารอช้า รีบ
เด็ดมาเลย
1. หอมเล็กแก่จัด หอมแก่จัดมีสรรพคุณแก้หวัด คัดจมูก ลดไขมันอุดตันในหลอดเลือด นอกจากนี้กลิ่นฉุนของหอมเล็กยังช่วยให้เกิดความชุ่มชื้นในลำคอ และช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้ดีขึ้นด้วย
2. พริกขี้หนู ความเผ็ดของพริกจะช่วยให้จมูกโล่ง และสารแคปไซซินยังมีฤทธิ์ในการลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบหลอดลม จึงเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์อย่างมากกับคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบหายใจ
3. ขิง เลือกเอาเหง้าขิงที่แก่จัด ๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือหรือประมาณ 5 กรัม เอามาทุบให้แตก ต้มเอาแต่น้ำมาดื่ม จะช่วยให้ระบบหายใจทำงานดีขึ้น
4. ใบแมลงลัก มีสรรพคุณในการแก้โรคหวัดและหลอดลม ทำให้หายใจสะดวก


ที่มา : Spicy

3.12.08

คุณรู้จักแตงกวาดีแค่ไหน

คุณรู้จักแตงกวาดีแค่ไหน

เชื่อว่าสาว ๆ คงรู้จักแตงกวามานานแล้ว แต่แน่ใจหรือว่าคุณรู้จักประโยชน์ที่แตงกวาสามารถเนตมิตให้ได้ครบทุกด้านแล้ว รู้กันหรือเปล่าว่าเนื้อของแตงกวาเป็นสารอาหารชั้นยอด มีทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบีและซี และเอนไซม์สำคัญ ๆ อีกหลายชนิด นอกจากนี้เมล็ดแตงกวาอ่อน ๆ ยังใช้เป็นยาแก้ไขและยาขับปัสสาวะที่คนโบราณนิยมกันมาก ส่วนเนื้อมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยบำรุงธาตุและถ้าผิวหนังอักเสบก็สามารถเอาแตงกวาไปตำแล้วเอามาพอกแผลแก้อักเสบได้ด้วย สำหรับเรื่องความสวยความงาม แตงกวาก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าช่วยกระชับรูขุมขน บำรุงผิวหน้า และลบรอยฝ้าได้ดี โดยเอาแตงกวาไปล้างให้สะอาด ฝานบาง ๆ แล้วเอาวางบนหน้าสัก 20 นาที แล้วล้างออก หรือจะเอาแตงกวาไปปั่นแล้วเอาน้ำที่ได้มาชโลมหน้าไว้ประมาณ 15 -20 นาที แล้วล้างออกก็ได้ ถ้าทำบ่อย ๆ รับรองหน้าจะเด็กลงไปหลายปีแน่นอน

ที่มา : Spicy

2.12.08

สารอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน

สารอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน

ถ้ามีภูมิคุ้มกันสูง ร่างกายเราก็จะเหมือนมีกองทัพไว้ปราบเชื้อโรคได้มาก อย่างนี้เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นอันว่าไม่ต้องพูดถึง
- วิตามินเอ ช่วยผลิตเมล็ดเลือดขาว สร้างเซลล์บุเนื้อเยื่อในระบบย่อย ซึ่งเซลล์เหล่านี้เป็นด่านแรกในการป้องกันการติดเชื้อ
- วิตามินซี ช่วยเพิ่มการทำงานของเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีหน้าที่กำจัดเชื้อโรค
- วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้มกันจากอนุมูลอิสระ และอาจช่วยสร้างเม็ดเลือดขาวในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย
- ธาตุเหล็ก ช่วยในการฆ่าเชื้อ หากขาดธาตุเหล็กจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อได้ง่าย
- สังกะสี จำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยต่อต้านเชื้อไวรัส เชื้อรา พยาธิ และเชื้อโรคอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ

ที่มา : Spicy

1.12.08

8 อาหารธรรมชาติที่ช่วยรักษาสุขภาพ


8 อาหารธรรมชาติที่ช่วยรักษาสุขภาพ


1. บร็อคโคลี่ แชมป์เปี้ยนผักในตระกูลกะหล่ำที่เป็นที่นิยมของนักบริโภคทั่วโลก ประโยชน์
ของบร็อคโคลี่มีเยอะมาก ๆ
-ช่วยป้องกันมะเร็ง
-อุดมด้วยวิตามินซี สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย และยังช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรงอีกด้วย
-ประกอบด้วยสารกลูตาทอน ซึ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดไขข้ออักเสบ เบาหวาน และ โรคหัวใจ และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยลดความดันโลหิตสูง
-ป้องกันการเกิดต้อกระจก เนื่องจากบร็อคโคลี่จะมีสารเบต้าแคโรทีนสูง
-ขนาดรับประทาน บร็อคโคลี่ ½ ถ้วย ต่อสัปดาห์ ก็จะดีต่อสุขภาพของคุณแล้วละค่ะ

2. กระเทียม ช่วยลดคลอเลตเตอรอล มีฤทธิ์คล้ายกับยาแอสไพรินในการช่วยป้องกันในการช่วยป้องกันการแข็งตัวและการอุดตันของหลอดเลือด มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้เหมือนกับยาเพนนิซิลิน และยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็งลำไล้ใหญ่ และมะเร็งเต้านมอีกด้วย
v ขนาดรับประทาน การป้องกันโรคหัวใจรับประทานวันละ 1 กลีบ โดยทั่วไปให้ทานทุกวันปริมาณเท่าไรก็ได้

3. ถั่วแดง เป็นอาหารที่มีส่วนประกอบของเส้นใยอาหารสูงมาก ดังนั้น จึงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ อุดมด้วยกรดโฟลิค ที่ช่วยบำรุงโลหิต ป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์ป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ดีอีกด้วย
v ขนาดรับประทาน ควรรับประทาน 1 ถ้วย / วัน

4. นมพร่อมมันเนย เป็นแหล่งของแคลเซียมสูงที่ปลอดไขมัน ซึ่งป้องกันภาวะกระดูกพรุน และยังประกอบด้วยสารโปตัสเซียมและแมกนีเซียมที่ออกฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ขนาดรับประทาน คนวัยหนุ่มสาวต้องการแคลเซียมวัยละ 1,000 mg ส่วนวัยสูงอายุจะต้องการเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 mg
5. ส้ม ยอดผลไม้ที่มีปริมาณวิตามินสูง เส้นใยอาหารสูง รวมทั้งสารอาหารชนิดอื่น ๆ ซึ่งช่วยป้องกันหวัด ลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยในการสร้างกระดูก ป้องกันการเกิดนิ่วในไต ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตลอดจนช่วยฟื้นฟูอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจ นอกจากนี้ สาร phytochemicals ในส้มยังช่วยต่อต้านมะเร็งเต้านมด้วย
v ขนาดรับประทาน ควรรับประทานวันละ 1 -2 ผล เป็นประจำทุกวัน
6. ปลาแซลมอน มีปริมาณน้ำมันปลาที่เรียกว่า โอเมก้า 3 ค่อนข้างสูง ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจ และช่วยควบคุมอาการไขข้ออักเสบ ยังช่วยลดอาการปวดรอบเดือน รวมทั้งช่วระงับอาการซึมเศร้าได้ด้วย
v ขนาดรับประทาน รับประทานสัปดาห์ละ 3 ออนซ์

7. เต้าหู้ ช่วยลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล อุดมด้วยสารเอสโตรเจนธรรมชาติจากพืชป้องกันกระดูกพรุน มะเร็งเต้านม และยังช่วยให้ไตทำงานได้ดีด้วย
v ขนาดรับประทาน 30 -50 mg / วัน หรือเท่ากับปริมาณ เต้าหู้ ½ ถ้วย

8. ซอสมะเขือเทศ ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหาร สาร lycopene ในมะเขือเทศเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมได้ดี
ขนาดรับประทาน รับประทานได้ปริมาณตามใจชอบเป็นประจำทุกวัน

ที่มา : Spicy