18.11.08

เครียดอย่างไร...ให้สวยที่สุด

เครียดอย่างไร...ให้สวยที่สุด

จากสถิติของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าเมื่อคนส่วนใหญ่อารมณ์เสีย เครียด โกรธ หรือหงุดหงิดนั้น 39 เปอร์เซ็นต์ มักจะเปิดเผยมันออกมาตรงๆ อย่างรุนแรงเสียด้วย ในขณะที่ 25 เปอร์เซ็นต์ เลือกเก็บไว้ก่อน จนกว่าจะถึงจุดเดือด และมีอีก 23 เปอร์เซ็นต์ ที่ชอบแอบไปอยู่คนเดียวเงียบๆ กับความเครียด โดยไม่บอกใคร เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนกับปัญหาของตัวเอง ท้ายสุดมักจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ลืมมัน เลิกนึกถึงมัน หันไปหาอะไรกิน คุยเล่นกับเพื่อน ไปดูหนัง ไปสปา พวกนี้เฉลี่ยแล้ว 13 เปอร์เซ็นต์ แต่เอ๊ะ! คุณล่ะ เวลาโกรธ เป็นคนแบบไหน...

หากคุณเป็นสาวช่างวีน ถ้าโกรธขึ้นมาเมื่อไรคุณเป็นต้องตอบโต้ทันที เพียงขอแค่ได้ระบายสักหน่อยล่ะก็ ข้อดี คือ การปลดปล่อยอารมณ์เช่นนี้ อาจทำให้คุณไม่ต้องเก็บกดเอาสารพันปัญหามาใส่ไว้ในสมอง ไม่ต้องมีอะไรมาค้างคาให้เก็บมาเครียดอีกแล้ว แม้ปกติจะดูมีผลเสียมากกว่า แต่จากการค้นคว้าของ The University of Michigan School of Public Health แล้ ว เปิดเผยข้อเท็จจริงใหม่ที่เพิ่งค้นพบว่าคู่รักที่ทะเลาะกันนั้น มักมีอายุยืนยาวกว่าคู่รักที่โกรธกันแต่ไม่เคยกล่าวความรู้สึกใดๆ ออกมา แต่การระเบิดอารมณ์ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะข้อเสียของมันคือผลร้ายต่อสุขภาพของคุณ เมื่อยามที่คุณโกรธจัด อัตราการเต้นของหัวใจคุณจะสูงขึ้นในทันใด ซึ่งมันจะยิ่งทำให้ผนังเส้นเลือดของคุณอ่อนแอและเป็นอันตรายได้ แล้วอย่างนี้คุณยังจะโมโหอีกเหรอ

แต่ถ้าคุณเลือกรับมือกับความเครียดด้วยการเป็นสาวสุขุม ไม่ว่าจะเดือดเป็นไฟแค่ไหน แต่ก็เลือกที่จะควบคุมอารมณ์ให้ได้ เพราะกลัวว่าการแสดงโทสะออกไป อาจทำให้เรื่องเลวร้ายกว่าเดิมนั่น เรียกได้ว่าคุณเป็นคนที่จัดการกับอารมณ์ของตนได้อย่างมีชั้นเชิง และมีเหตุมีผลคนหนึ่ง การพยายามคิดว่าทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้น และหาทางแก้ไข หรือใช้เทคนิคอื่น เช่น การมองในมุมมองของเขา เอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือหาเรื่องมาเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อบรรเทาอารมณ์ลง เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่คุณจะเย็นลง แต่ทว่าข้อเสียของการนิ่งรับกับความเครียดและความโกรธแต่ฝ่ายเดียว ไม่ยอมพูดออกมานั้น มันไม่ดีต่อสุขภาพของคุณเท่าไหร่เลย เหมือนกับการอัดแก๊สใส่กระป๋องน้ำอัดลม พออัดมากๆ เข้า สักวันมันจะระเบิด สุดท้ายทำให้เรื่องรอบตัวเลวร้ายกว่าเดิม หรือในทางหนึ่งการเก็บความคิดเครียดๆ ไว้กับตัวนานๆ ด้วยเหตุผล “เรื่องที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง อีกฝ่ายพูดถูกเสมอ” หรือ “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะฉันแท้ๆ” ทั้งหมดนี้ อาจสะสมจนส่งผลให้คุณเป็นโรคซึมเศร้าได้ในที่สุด ดังนั้น เฉยไปก็ใช่ว่าจะดี

แล้วอย่างนี้ จะทำอย่างไรล่ะ...ท้ายสุด ในนิตยสารมาดาม ฟิกาโร ได้แนะนำเพิ่มว่า วิธีจัดการกับความเครียดที่ดีที่สุดคือ ใจเย็น เมื่อคุณรู้ตัวว่าโทสะเริ่มพลุ่งพล่านเสียจนน่ากลัว ก็ให้ถอยหลังกลับมา แล้วตั้งหลักใหม่ หาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น พยายามหาอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณใจจดใจจ่ออย่างเต็มที่ทำ เช่น การเล่นเกม การอ่านหนังสือ การเล่นกีฬา เป็นต้น และเมื่ออารมณ์ของคุณเย็นลง ก็ถึงเวลาปรับความเข้าใจกับคู่กรณีถึงปัญหาที่ทำให้คุณฉุนเฉียวโดยปราศจากอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ภายใต้หลักพยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา นี่ล่ะคือคำตอบที่ดีที่สุด เท่านี้คุณก็เป็นผู้หญิงที่รับมือกับความเครียดได้สวยที่สุดแล้ว